หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งตัวลงตามดาวน์โจนส์ หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐสูงกว่าคาด เก็งเฟดคงดอกเบี้ย

นักเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์หรือไซด์เวย์ดาวน์ หลังสหรัฐฯรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรออกมาสูงกว่าคาด ทำให้ตลาดเชื่อว่าเฟดยังคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ และตลาดหุ้นสหรัฐย่อตัวลง และเช้านี้ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงตาม พร้อมให้แนวต้าน 1,285-1,290 จุด แนวรับ 1,265-1,270 จุด

นางสาววราภรณ์ วิบูลคณารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดแกว่งไซด์เวย์ หรือไซด์เวย์ดาวน์ หลังเมื่อคืนนี้สหรัฐฯ รายออกตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย. ออกมาสูงกว่าคาด ทำให้ตลาดมีความเชื่อมากขึ้นว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนธ.ค.ยังคงดอกเบี้ย และเป็นปัจจัยที่กดดันต่อตลาดหุ้น เห็นได้จากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ที่ย่อตัวลง

ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้ส่วนใหญ่เปิดมาเคลื่อนไหวในแดนลบ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่หนุนดัชนี

โดยให้แนวต้าน 1,285-1,290 จุด แนวรับ 1,265-1,270 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (20 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 45,752.26 จุด ลดลง 386.51 จุด หรือ -0.84%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,538.76 จุด ลดลง 103.40 จุด หรือ -1.56% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,078.05 จุด ลดลง 486.18 จุด หรือ -2.15%
  • ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดลบ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 49,251.26 จุด ลดลง 572.68 จุด หรือ -1.15%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 25,460.42 จุด ลดลง 375.15 จุด หรือ -1.45% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,896.66 จุด ลดลง 34.39 จุด หรือ -0.87%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 พ.ย.) 1,281.81 จุด เพิ่มขึ้น 9.64 จุด (+0.76%) มูลค่าซื้อขาย 33,440.55 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (20 พ.ย.) 348.03 ล้านบาท
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. (20 พ.ย.) ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 59.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 พ.ย.) อยู่ที่ 8.8
  • เงินบาทเปิด 32.44 ทรงตัวจากวานนี้ หลังข้อมูลศก.สหรัฐฯ ยังไม่ชัดเจน จับตาทิศทาง FLOW
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 119,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 53,000 ตำแหน่ง หลังจากการจ้างงานลดลง 4,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2564 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าทรงตัวที่ระดับ 4.3%
  • “ขุนคลัง” ยัน รัฐบาลยังไม่ปรับขึ้น VAT ในปี 68–69 แม้แผนฯ ระยะกลางระบุกรอบเพิ่มเป็น 8.5% ในปี 71 และ 10% ในปี 73 ก็ตาม ชี้ ต้องดูความพร้อมของเศรษฐกิจ หากยังไม่ฟื้นต้องใช้มาตรการเพิ่มรายได้หรือปรับลดรายจ่ายชดเชย พร้อมนำคณะเดินทางโรดโชว์ญี่ปุ่น 27–29 พ.ย. เพื่อดึงลงทุนและตอกย้ำศักยภาพไทย3 เหรียญ/บาร์เรล
  • “รัฐบาล” เร่ง 12 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดค่าครองชีพ ก่อนยุบสภา “คลัง” ลุยคนละครึ่งพลัสเฟส 2 แก้หนี้ “คมนาคม” จัดแพ็กเกจลดค่ารถไฟฟ้าค่าทางด่วน “พลังงาน” ตรึงก๊าซหุงต้มค่าไฟ ดีเซล เร่งคลอดเกณฑ์หนุนโซลาร์เซลล์ประชาชน “บีโอไอ” ปลดล็อกลงทุน 3 แสนล้าน “ท่องเที่ยว” จ่อชงทัวร์ไทยคนละครึ่งแจกตั๋วบินฟรี
  • “อนุทิน” ยิ้มรับหลังนักวิชาการมองเปิดชื่อ “ศุภจี” แคนดิเดต นายกฯ ส่งผลดีต่อฐานเสียง บอกยุบสภาเป็นอำนาจนายกฯ ไม่ต้องปรึกษาใคร ชี้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยต้องพร้อมเลือกตั้งเร็วที่สุด รับยังไม่คุย “ศุภจี” นั่งแคนดิเดต ลั่นพร้อมยุบสภาฯ 12 ธ.ค.นี้ หากรอไม่ไหว
  • “พิพัฒน์” สั่ง ทอท.ศึกษาทบทวนแผนโอนย้ายสนามบิน ทย.ให้ ทอท.รับผิดชอบใหม่ทั้งหมด ไม่จำกัดแค่ 3 สนามบินเดิม “กระบี่ อุดรธานี บุรีรัมย์” ลั่นต้องจัดระเบียบโครงข่ายการบินไทยทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพและแข็งแรงในระยะยาว
  • ประเทศไทยได้ประกาศเจตนารมณ์การกำหนดเป้าหมาย Net Zero ของประเทศในปี 2050 เร็วขึ้น 15 ปี จากกำหนดการเดิม ผ่านการเสนอแผน Nationally Determined Contribution (NDC) ฉบับใหม่ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2025 ในการประชุม COP30 ที่ประเทศบราซิล

*หุ้นเด่นวันนี้

  • ADVANC (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 339.37 บาท แนวโน้มไตรมาส 4/68 ยังสดใส โตต่อทั้ง q-q, y-y จาก high season ของธุรกิจโทรศัพท์มือถือ รวมถึงต้นทุนคลื่นความถี่ 2100MHz ที่ลดลงเต็มไตรมาส (เริ่มได้ประโยชน์จากต้นทุนลดตั้งแต่ ส.ค. 2568) Consensus คาดกำไรปี 2568 ที่ 4.4 หมื่นลบ. +25% y-y และเติบโตต่อเนื่องเป็น 4.7 หมื่นลบ. +7% y-y ระยะกลาง-ยาวยังมีโอกาสเติบโตในส่วน AI และ Data Center ผ่านการร่วมทุน
  • AMATA (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20.50 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 1,139 ลบ.(+49%YoY, +714 %QoQ) มีแรงหนุนจากยอดโอนที่ดิน +YoY QoQ ราว 677 ไร่(ไทย-664 ไร่/ เวียดนาม-14ไร่) นอกจากนี้รายได้ค่าเช่าก็เติบโตเช่นกัน ซึ่งจากรายได้ออกมาสูงกว่าคาดส่งผลให้รายได้ชนะ Fixed Cost ส่งผลบวกต่อไปยังมาร์จิ้นโดยรวม ด้านการดำเนินงานช่วง ไตรมาส 4/68 นี้คาดแนวโน้มยังจะเป็นบวกต่อ QoQ ได้ตามฤดูกาลการโอนที่ดินของกลุ่มธุรกิจนิคมฯ ปัจจุบัน ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรสุทธิปี68 และ 69 ที่ 2,923 ลบ.+18%YoY และ 3,031 ลบ.+4%YoY
  • WHA (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 4.80 บาท ลุ้นแนวโน้มไตรมาส 4 เด่น บริษัทรายงานกำไรไตรมาส 3/68 ดีกว่าคาด 8% จากค่าใช้จ่ายที่ลดลงและรายได้ของ WHAUP ดีกว่าคาด ขณะที่แนวโน้ม บริษัทมีโอกาสปิดดีลขนาดใหญ่ถึง 1 พันไร่ ในไตรมาส 4/68 เป็น upside เพิ่มเติม ขณะที่ valuation PE’69 อยู่เพียง 9 เท่า (-2SD)โดยเราคาดกำไรปี 67-70 เติบโตเฉลี่ยสูงถึง 10% ต่อปี พร้อมอัตราเงินปันผล 7%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ย. 68)