
เอดี วิโบโว ผู้อำนวยการฝ่ายพลังงานชีวมวลประจำกรมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน สังกัดกระทรวงพลังงานและทรัพยากรแร่ธาตุอินโดนีเซีย เปิดเผยในวันพุธ (21 พ.ค.) ว่า อินโดนีเซียมีศักยภาพสูงในการเป็นจุดหมายหลักสำหรับการกักเก็บคาร์บอนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะสร้างโอกาสมหาศาลสำหรับการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เอดีกล่าวระหว่างการเสวนา ณ การประชุมและนิทรรศการสมาคมปิโตรเลียมแห่งอินโดนีเซีย ประจำปี 2568 ว่า “เรามีศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอนในชั้นหินเกลือหรือแหล่งกักเก็บน้ำสูงถึง 572.77 กิกะตัน และยังมีพื้นที่กักเก็บในแหล่งน้ำมันและก๊าซที่หมดอายุแล้วอีกราว 4.85 กิกะตัน ทำให้อินโดนีเซียพร้อมเป็นศูนย์กลางบริการกักเก็บคาร์บอนในภูมิภาค”
วิโบโวระบุว่า การกักเก็บคาร์บอนมีบทบาทสำคัญยิ่งในการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคการผลิตไฟฟ้า การขนส่ง และอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกับแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดยอินโดนีเซียหวังที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวผ่านการใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานหมุนเวียนให้เต็มที่ ดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน และการเปลี่ยนผ่านสู่เชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ เช่น พลังงานชีวภาพจากขยะที่ไม่ใช่อาหารและเชื้อเพลิงที่ผลิตจากของเสีย
“ปัจจุบันอินโดนีเซียมีศักยภาพพลังงานหมุนเวียนใหม่มากกว่า 3,680 กิกะวัตต์ แต่กลับถูกนำมาใช้เพียง 0.3% เท่านั้น นี่คือโอกาสทองสำหรับการลงทุนและพัฒนาในภาคพลังงานหมุนเวียน รัฐบาลพร้อมเปิดทางให้มีการใช้ประโยชน์จากพลังงานหมุนเวียนใหม่ในวงกว้าง โดยยึดหลักเศรษฐกิจและความยั่งยืนเป็นสำคัญ” วิโบโวกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ค. 68)
Tags: กระทรวงพลังงาน, การลงทุน, พลังงานทดแทน, ศูนย์กลางกักเก็บคาร์บอน, อินโดนีเซีย, เอเชียแปซิฟิก