
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการเตรียมพร้อมรับมือการชุมนุมทางการเมืองว่า พร้อมที่จะดูแลความปลอดภัยให้ทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมและประชาชน โดยในส่วนของการประเมินจำนวนผู้ชุมนุมนั้นยังไม่มีความชัดเจน คาดว่าจะทราบผลการวิเคราะห์ในช่วงวันที่ 26 มิ.ย.นี้ เพื่อให้ตำรวจจัดกำลังพลและเตรียมแผนเผชิญเหตุได้อย่างเรียบร้อย
ผบ.ตร. กล่าวว่า ขณะนี้มีการประสานงานและขออนุญาตจัดการชุมนุมอย่างถูกต้องแล้ว โดยเบื้องต้นอนุญาตให้จัดได้ตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น. และมีการยืนยันการชุมนุมในพื้นที่เดียวคือที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เจ้าหน้าที่ได้ทำความเข้าใจกับผู้จัดการชุมนุมในพื้นที่ที่มีการจำกัดและดูแลพิเศษเรียบร้อยแล้ว และยังไม่มีรายงานข่าวยืนยันว่าจะมีการปักหลักค้างคืน
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ทุกวัน โดยให้ความสำคัญในเรื่องการข่าว การเจรจา และการดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม ซึ่งทุกคนต้องเคารพกฎหมาย
ส่วนการดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงและผู้ใช้รถใช้ถนนนั้น เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความห่วงใยและต้องตั้งข้อสันนิษฐานไว้ว่าอาจมีบุคคลไม่หวังดีหรือกลุ่มมือที่สามเข้ามาก่อเหตุ ดังนั้นการข่าวจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งจากภายใน ภายนอก และตำรวจภูธรภาคต่าง ๆ ต้องสืบสวนหาข่าวเพื่อเตรียมความพร้อมด้านกำลังพลและอุปกรณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
“ตำรวจจะดูแลความปลอดภัยทั้งผู้ชุมนุมและประชาชน ขณะนี้ยังไม่มีการข่าวที่แน่ชัดว่าจะมีการระดมคนจำนวนมากมาร่วมชุมนุม มีเพียงการโพสต์ข้อความเชิญชวนตามปกติในโซเชียลมีเดีย ตำรวจเข้าใจดีว่าการชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่การปฏิบัติก็มีกฎหมายรองรับเช่นกัน” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว
ส่วนการชุมนุมครั้งนี้จะเป็นการเริ่มต้นของการชุมนุมในระยะยาวหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ได้นำข้อมูลมาเป็นข้อสันนิษฐานและได้เตรียมแผนปฏิบัติการหรือแผนเผชิญเหตุไว้แล้ว
“ผมว่าทุกคนรักประเทศและไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายอะไร การแสดงออกซึ่งสัญลักษณ์สิทธิตามรัฐธรรมนูญโดยชอบสามารถทำได้” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว
สำหรับการชุมนุมครั้งนี้ไม่ต้องจับตาบุคคลใดเป็นพิเศษ แต่มองว่าเป็นปรากฏการณ์ที่มีการรวมตัวกัน และตำรวจมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย แกนนำหลายท่านเป็นผู้ใหญ่ในวงการการเมือง เชื่อว่าสิ่งที่ผ่านมาในอดีตก็เป็นบทเรียนให้กับผู้ชุมนุมว่าหากทำอะไรไปจะเกิดอะไรต่อบ้านเมือง ส่วนสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศนั้นได้กำชับให้ตำรวจสนับสนุนการทำงานของทหาร และขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่จะต้องช่วยสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มิ.ย. 68)