
นายวิรัฐ สุขชัย นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยถึงโครงการ Jump+ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และโครงการ “Corporate Value Up” ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าเป็นโอกาสสำคัญสำหรับบริษัทจดทะเบียนใน mai ที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่มีความพร้อมด้านการลงทุนและมีแผนธุรกิจที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าในระยะแรกจะมีบจ. mai ประมาณ 25% ที่มีโอกาสเข้าร่วมโครงการนี้ โดยเชื่อว่าโครงการ Jump+ จะสร้างโอกาสในการเติบโตในระยะยาวได้
อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้การเติบโตมีความท้าทายมากขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวเหมาะกับบริษัทขนาดกลาง-เล็ก อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้เหมาะกับทุกบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากต้องมีความพร้อมในการลงทุน การวางแผนการเติบโต รวมทั้งมีศักยภาพการเติบโตด้วย แต่เชื่อว่ามีหลายบจ.ใน mai มีโอกาสในการเติบโต ซึ่งปีที่ผ่านมาบจ.ใน mai จำนวน 225 บริษัท มีบริษัทที่มีผลประกอบการที่มีกำไรมากกว่า 70% ของบริษัทจดทะเบียนใน mai ดังนั้นบริษัทเหล่านั้นก็มีโอกาสที่จะเข้าร่วมโครงการ Jump+ ได้
นอกจากนี้การเข้าร่วมโครงการดังกล่าว จะช่วยสนับสนุนการเติบโตก้าวเข้าสู่ตลาด SET ได้ ซึ่งปัจจุบันมีบจ. mai ย้ายเข้าไปอยู่ใน SET แล้วกว่า 63 บริษัท เชื่อว่าในอนาคตมีโอกาสที่บจ. mai ย้ายเข้าไปอยู่ใน SET อีกหลายบริษัท และเชื่อว่าหากสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย มีผลงานที่ดีจะสร้างคุณค่าให้กับบริษัทและสร้างการเติบโตให้บริษัทได้ในระยะยาว
“โครงการ Jump+ เป็นโครงการสำคัญ เป็นการสร้างโอกาสในการเติบโต โดยมีทุนสนับสนุนและมีพันธมิตรต่าง ๆ มาเข้าร่วม เปิดโอกาสให้บจ. หาทางในการเติบโตขยายธุรกิจ และเชื่อว่าทำให้ศักยภาพมากขึ้นในบริษัทจดทะเบียน”นายวิรัฐกล่าวกับ”อินโฟเควสท์”
ทั้งนี้ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจในไทยที่อาจยังไม่ดีนัก ทางสมาคมบจ. mai ได้มีการปรึกษาหารือ และแลกเปลี่ยนสินค้า รวมทั้งบางบริษัทในกลุ่มก็มีแผนการลงทุนร่วมกัน ซึ่งทางสมาคมเองก็พยายามที่จะทำให้พันธมิตรเข้ารามกัน เพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่อง นอกจากนั้นสมาคมยังได้มีการส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูล ข่าวสารประชาสัมพันธ์ ธุรกิจของบริษัทในกลุ่มผ่านโครงการต่าง ๆ อย่างเช่นที่ผ่านมา การจัดงาน mai forum ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามา พบปะกับผู้บริหารในการสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยแม้เศรษฐกิจจะยังไม่ดี แต่เชื่อว่าบจ. ต้องะยายามหาทางสร้างการเติบโต เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้นด้วย
นอกจากนี้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ภาครัฐทั้งกระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีโครงการออกมาสนับสนุนตลาดทุนดอย่างต่อเนื่อง อาทิ กองทุน ThaiESG ThaiESGX และกองทุนวายุภักษ์ รวมทั้งล่าสุดโครงการ Corporate Value Up และ Jump+ ที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพการเติบโตของบจ.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มิ.ย. 68)