
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เผยยอดเงินลงทุนตามมาตรการกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thailand ESG Extra Fund : Thai ESGX) ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 รวม 32,168 ล้านบาท ในระยะเวลา 2 เดือน ตอบโจทย์ผู้ถือหน่วย LTF ในกลุ่มที่มีเงินลงทุนไม่เกิน 500,000 บาท
จากมาตรการของภาครัฐที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) และเพิ่มเสถียรภาพตลาดทุนไทย โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับเงินลงทุนใหม่ใน Thai ESGX และการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF ไป Thai ESGX ในระยะ 2 เดือน ระหว่างเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2568 และ ก.ล.ต. ได้ออกหลักเกณฑ์รองรับการลงทุนใน Thai ESGX แล้วนั้น ณ วันสิ้นสุดมาตรการ Thai ESGX มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) รวมประมาณ 32,168 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่สับเปลี่ยนจาก LTF ประมาณ 25,091 ล้านบาท และเป็นเงินลงทุนใหม่ประมาณ 7,077 ล้านบาท ซึ่งยอดสับเปลี่ยนดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 79 ของมูลค่ากลุ่มผู้ถือหน่วยลงทุน LTF ที่มีมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 500,000 บาท แสดงให้เห็นว่ามาตรการนี้สามารถตอบโจทย์และจูงใจผู้ถือหน่วยลงทุนกลุ่มนี้ให้ตัดสินใจลงทุนหุ้นไทยที่เน้นความยั่งยืน (หุ้น ESG) ได้ต่อเนื่อง
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “การลงทุนใน Thai ESGX นอกจากจะสะท้อนถึงการสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนไทยที่ให้ความสำคัญกับการประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืน และกระตุ้นให้บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในช่วงของการพัฒนาเร่งดำเนินการให้เข้าไปอยู่ในกลุ่มหุ้น ESG ของไทย ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศแล้ว ยังสะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) และผู้ประกอบธุรกิจจัดการลงทุนทุกแห่ง โดยระบบตรวจสอบการถือครองหน่วยลงทุน LTF ที่เชื่อมโยงทุกหน่วยงานในอุตสาหกรรม ยังสามารถนำไปขยายผลต่อยอดเพื่อใช้ประโยชน์ในการให้บริการแก่ผู้ลงทุนต่อไปด้วย ในมุมมองของ ก.ล.ต. จึงถือว่ามาตรการนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี”
ก.ล.ต. ขอเน้นย้ำว่า เพื่อให้ผู้ลงทุนที่ลงทุนในกองทุน Thai ESGX ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างครบถ้วน ผู้ลงทุนต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน ต้องถือครองหน่วยลงทุน Thai ESGX ที่ลงทุนในช่วงระยะเวลาตามมาตรการข้างต้นเป็นระยะเวลาครบ 5 ปีเต็ม นับจากวันที่ซื้อหรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน
ทั้งนี้ วงเงินสิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้มาตรการ Thai ESGX ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 วงเงิน ประกอบด้วย
วงเงินที่ 1 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจลงทุนใน Thai ESGX สามารถเริ่มซื้อได้ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท โดยต้องถือครองหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี (วันชนวัน นับแต่วันที่ลงทุน)
วงเงินที่ 2 สำหรับผู้ที่ถือหน่วยลงทุน LTF ณ วันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่แจ้งความประสงค์สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF เดิม ทั้งหมดใน LTF ทุกกองทุนในทุก บลจ. (ไม่รวม class หน่วยภาษีอื่นภายใต้กองทุนเดียวกัน เช่น class SSF) มาเป็นหน่วยลงทุนของ Thai ESGX ในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท ตั้งแต่ปีภาษี 2568 – 2572 โดยในปี 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาท และปี 2569 – 2572 ให้ได้รับลดหย่อนเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีภาษี เช่น ผู้ถือหน่วยลงทุนสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF ไป Thai ESGX มูลค่า 380,000 บาท สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ ดังนี้ ปี 2568 จำนวน 300,000 บาท และปี 2569 – 2572 ปีละ 20,000 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ค. 68)