
นางสาวศุภรดา โรจน์วัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บมจ.โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น [MOSHI] เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2/68 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 815.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มค้าปลีก 86% กลุ่มค้าส่ง 13% และช่องทางการจัดจำหน่ายอื่น 1% ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 134.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลเติบโตหลักมาจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้นถึง 11 สาขา ได้แก่ สาขา Stand alone วังสะพุง จ.เลย, Big C จ.เพชรบุรี, Big C หัวหมาก, มาร์เก็ตรังสิต คลอง4, Lotus’s รังสิต คลอง7, Lotus’s จ.สระบุรี, Big C จ.เชียงราย, Robinson จ.สระบุรี, Big C จ.ตาก, Big C ศรีมหาโพธิ และ TU Dome Plaza

นอกจากนี้ การเติบโตของบริษัทฯ ยังได้แรงหนุนจากกลยุทธ์การตลาดที่สร้างสรรค์และทันสมัย โดยมีการออกคอลเลกชันสินค้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อดึงดูดลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นคอลเลกชันลิขสิทธิ์ยอดนิยม เช่น Justgoo Webearbear, Butterbear และ aespa รวมถึงสินค้าที่ตอบรับเทรนด์และไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน เช่น ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล และสินค้าตามเทศกาลสำคัญ เช่น สินค้าต้อนรับการเปิดเทอม
ขณะเดียวกัน ยังคงเดินหน้าสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าผ่านกิจกรรมทางการตลาดที่น่าสนใจ เช่น แคมเปญ ‘Moshi Perfume Fantasy’ เพื่อโปรโมตสินค้าน้ำหอม โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ลุ้นสิทธิ์เป็น Lucky Fan เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟกับศิลปินคนโปรด, การใช้คาแรกเตอร์ยอดนิยม (Mascot Character) อย่าง “OHIGE no PON” (โฮฮิเงะโนะพอน) สุนัขตัวผู้ที่มีหนวดเครามองโลกในแง่ดีจากประเทศญี่ปุ่น และ “Bellygom” (เบลลี่กอม) คาแรกเตอร์หมีสีชมพูสุดคิวท์ชื่อดังจากประเทศเกาหลี ในการโปรโมตสินค้าคอลเลกชันใหม่ ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ (Awareness) และการมีส่วนร่วม (Engagement) กับลูกค้าภายในร้าน รวมไปถึงการใช้ Influencer Marketing เพื่อขยายการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้นผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการมีส่วนร่วมของลูกค้าและกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาสดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 2/68 เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 15.2% และมั่นใจว่าตลอดทั้งปี บริษัทจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตของ SSSG โดยเฉลี่ยไว้ที่ 4-5% ซึ่งสะท้อนถึงถึงศักยภาพในการบริหารจัดการ การพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค และแผนขยายสาขาที่มีประสิทธิภาพ
ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีแรกของปี 68 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,663.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 1,336.73 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิทำได้ 290.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 206.59 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) 17.5% ซึ่งมาจากการเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง การประหยัดต่อขนาดจากการขยายสาขา และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOSHI กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกในไตรมาส 2/68 ได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย ทั้งความไม่แน่นอนทางการค้าระหว่างประเทศ และการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เหลือ 2.8% ซึ่งเป็นอัตราที่อ่อนแอที่สุดในรอบ 17 ปี ขณะเดียวกันเศรษฐกิจไทยต้องเผชิญความท้าทาย โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 4.66% ในช่วงครึ่งปีแรก ประกอบกับสถานการณ์ไม่คาดคิด เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ และความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ส่งผลกระทบต่อการค้าบริเวณด่านอรัญประเทศ-ปอยเปต ทำให้ธุรกิจค้าปลีกเกิดภาวะตลาดแบ่งขั้วอย่างชัดเจน โดยกลุ่มที่พึ่งพานักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบสูง ขณะที่กลุ่มธุรกิจสินค้าจำเป็นพื้นฐานยังคงสามารถเติบโตได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงสามารถผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และยังคงเป้าหมายรายได้ปี 68 ที่เติบโต 15-20% ตามแผนที่วางไว้ จากความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักที่จำหน่ายสินค้าของใช้ในชีวิตประจำวันที่มีคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้และมีดีไซน์โดดเด่น ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า ประกอบกับกลยุทธ์ที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ
โดยมุ่งเน้นไปที่ 1.) การพัฒนาสินค้าใหม่ สร้างสรรค์สินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมเปิดตัวคอลเลกชันพิเศษที่ร่วมมือกับพันธมิตร (Collab) และคอลเลกชันลิขสิทธิ์จากการ์ตูนชื่อดังไม่น้อยกว่า 2 คอลเลกชันต่อเดือน 2.) ปรับปรุงร้านค้า เพื่อยกระดับภาพลักษณ์และประสบการณ์การช้อปปิ้งผ่านการตกแต่งร้านให้ทันสมัยและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย 3.) การจัดโปรโมชันเชิงรุก
และ 4.) การขยายสาขา เดินหน้าเปิดสาขาใหม่ตามแผนที่วางไว้ 40 สาขาในปี 68 เพื่อรองรับการเติบโตและขยายการเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ ส่งผลให้ขยายการเข้าถึงลูกค้าครอบคลุม 64 จังหวัดทั่วประเทศ โดยข้อมูล ณ วันที่ 13 ส.ค.68 บริษัทฯ มีสาขาค้าปลีกและค้าส่งที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 184 สาขา แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกแบรนด์ Moshi Moshi จำนวน 177 สาขา โดยเป็น รูปแบบ Standalone จำนวน 8 สาขา, ร้านค้าส่งแบรนด์ Moshi Moshi จำนวน 2 สาขา, ร้าน Garlic 3 สาขา, ร้านค้าส่ง Giant 1 สาขา และร้านค้าส่ง The OK Station 1 สาขา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ส.ค. 68)