
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจงกรณีที่มีการนำเสนอข้อมูลคลาดเคลื่อนในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับประธาน กกต.ที่ระบุว่าใช้เวลาราว 8 เดือนในการพิจารณาคดีทุจริตการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เมื่อปี 2567 โดยเป็นการอธิบายขั้นตอนและกรอบเวลาตามประกาศฯ เรื่อง กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรรมของสำนักงาน กกต.พ.ศ.2566 เท่านั้น ไม่ใช่กำหนดระยะเวลาที่ต้องใช้จริง
โดยเมื่อวันที่ 18 ก.ค.68 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยชี้แจงขั้นตอนและกรอบระยะเวลา
และขณะนี้การดำเนินคดีดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนที่ 2 และเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2566 ซึ่งแบ่งเป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้
– ชั้นที่ 1 คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เมื่อได้รับสำนวนแล้วให้ดำเนินการสืบสวน หรือไต่สวนและจัดทำความเห็น เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ให้จัดส่งสำนวนไปยังสำนักงาน กกต.(ส่วนกลาง) โดยเร็ว
– ชั้นที่ 2 สำนักงาน กกต.คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ส่วนกลาง) ได้รับสำนวนแล้วให้พนักงานสืบสวนและไต่สวนผู้รับผิดชอบสำนวนดำเนินการวิเคราะห์สำนวนและจัดทำความเห็นเสนอผ่านผู้อำนวยการฝ่าย รองผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการสำนัก และเลขาธิการ กกต. (รองเลขาธิการ กกต.ที่ได้รับมอบหมาย)
– ชั้นที่ 3 เมื่อคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งได้พิจารณาแล้วจะทำความเห็น และสำนักงาน กกต.เสนอสำนวนให้ กกต.พิจารณา
– ชั้นที่ 4 เมื่อ กกต.ได้รับสำนวนจากคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งแล้ว ต้องพิจารณาชี้ขาดหรือสั่งการโดยเร็ว
ตามประกาศ กกต.เรื่อง กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรมของสำนักงาน กกต.พ.ศ.2566 มีขั้นตอนการวิเคราะห์สำนวนและเสนอความเห็น โดยเลขาธิการ กกต. กำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จภายใน 60 วัน ขั้นตอนการพิจารณาของคณะอนุกรรมการวินิจฉัย ฯ กำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จภายใน 90 วัน และขั้นตอนการพิจารณาของ กกต. กำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จภายใน 90 วัน
สำนักงาน กกต. ขอย้ำว่า การพิจารณาดำเนินคดีเป็นไปตามกระบวนการและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไม่อยู่ภายใต้แรงกดดันใด ๆ และหากมีเหตุจำเป็นอันสมควร สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วกว่ากรอบเวลาที่กำหนดได้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย พร้อมขอให้ประชาชนรับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ถูกต้อง และขอความร่วมมือสื่อมวลชนและผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเผยแพร่ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นต่อบุคคลและองค์กร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ส.ค. 68)