
ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ผู้นำอินโดนีเซีย ได้สั่งปลด ศรี มุลยานี อินทราวตี ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอย่างกะทันหันในวันจันทร์ (8 ก.ย.) ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดการเงินของอินโดนีเซียเผชิญกับความปั่นป่วนอีกครั้ง หลังได้รับผลกระทบจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ปธน.ซูเบียนโตได้ประกาศแต่งตั้ง ปูร์บายา ยูดีห์ ซาเดวา ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานบรรษัทค้ำประกันเงินฝากมาตั้งแต่ปี 2563 ให้เข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรีคลังแทนอิทราวตี โดยซาเดวาได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งรัฐมนตรีคลังอย่างเร่งด่วนเมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะรักษาสถานะการคลังของอินโดนีเซียให้แข็งแกร่ง
การตัดสินใจปลดอินทราวตีพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีคลังอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นและค่าเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซียเมื่อตลาดเปิดทำการซื้อขายในเวลา 9.00 น. ตามเวลากรุงจาการ์ตาในวันนี้ หลังจากดัชนีตลาดหุ้นปิดร่วงลง 1.3% เมื่อวานนี้ อันเนื่องมาจากข่าวลือว่าปธน.ซูเบียนโตอาจจะปลดอินทราวตี
ปธน.ซูเบียนโตไม่ได้ให้เหตุผลใด ๆ ต่อการตัดสินใจครั้งนี้ แต่ที่ผ่านมา ปธน.ซูเบียนโตเคยมีความขัดแย้งกับอินทราวตีในเรื่องการจัดสรรงบประมาณ โดยเธอมุ่งเน้นไปที่การควบคุมการใช้จ่าย ขณะที่ปธน.ซูเบียนโตต้องการเพิ่มการใช้จ่าย นอกจากนี้ อินทราวตียังตกเป็นเป้าหมายของการประท้วงที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งมีสาเหตุมาจากค่าครองชีพและสวัสดิการใหม่ ๆ สำหรับสมาชิกสภานิติบัญญัติ
อย่างไรก็ตาม อินทราวตีได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากเธอสามารถรักษาตัวเลขขาดดุลงบประมาณให้อยู่ในกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้ คือต่ำกว่า 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)
นอกจากนี้ อินทราวตี วัย 63 ปี ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารธนาคารโลกนั้น ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังอินโดนีเซียเป็นเวลานานเกือบ 14 ปี จนสามารถสร้างความน่าเชื่อถือด้านการคลังให้กับประธานาธิบดีถึง 3 คน และช่วยให้อินโดนีเซียได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับลงทุน (investment-grade credit ratings) โดยเธอได้รับการแต่งตั้งเป็นครั้งแรกโดยอดีตประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน ในปี 2548 และได้รับการแต่งตั้งอีกครั้งโดยอดีตประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ในปี 2559
ทั้งนี้ การปลดอินทราวาตีลงจากตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง อาจทำให้ปธน.ซูเบียนโตซึ่งกำลังผลักดันโครงการประชานิยมที่มีต้นทุนสูง เช่น โครงการอาหารกลางวันฟรีสำหรับโรงเรียนนั้น มีช่องทางให้สามารถนำงบประมาณมาใช้จ่ายมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ย. 68)