เอธิโอเปียเปิดใช้งานเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดยักษ์ ไม่สนเสียงค้านประเทศปลายน้ำ

เอธิโอเปียได้เปิดใช้งาน “เขื่อนแกรนด์เอธิโอเปียนเรอเนสซองซ์” (GERD) อย่างเป็นทางการในวันนี้ (9 ก.ย.) ซึ่งเป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา โครงการมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐนี้ คือความหวังครั้งสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองของทวีปถึง 120 ล้านคน แต่ขณะเดียวกัน ก็ได้จุดชนวนความขัดแย้งกับอียิปต์ ประเทศปลายน้ำ ให้ทวีความรุนแรงขึ้นจนสั่นคลอนเสถียรภาพของทั้งภูมิภาค

โครงการนี้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2554 บนแม่น้ำสาขาของแม่น้ำไนล์ ปัจจุบันกังหัน 2 ตัวแรกเริ่มผลิตไฟฟ้าแล้ว 750 เมกะวัตต์ และมีเป้าหมายสุดท้ายที่จะผลิตไฟฟ้าให้ได้ถึง 5,150 เมกะวัตต์ นายกรัฐมนตรีอาบีย์ อาเหม็ด ของเอธิโอเปียกล่าวว่า พลังงานที่ได้จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงไฟฟ้าได้อย่างทั่วถึง และยังสามารถส่งออกส่วนเกินไปขายในภูมิภาคได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ปลายน้ำอย่างอียิปต์และซูดานต่างเฝ้ามองโครงการนี้ด้วยความหวาดหวั่น อียิปต์ซึ่งมีประชากร 108 ล้านคน และต้องพึ่งพาน้ำจืดจากแม่น้ำไนล์ถึง 90% เกรงว่าเขื่อน GERD จะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำที่ไหลเข้าประเทศ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง และอาจเป็นบรรทัดฐานให้มีการสร้างเขื่อนอื่น ๆ ในต้นน้ำตามมา

รัฐบาลอียิปต์คัดค้านโครงการนี้อย่างหนักมาโดยตลอด โดยให้เหตุผลว่าเป็นการละเมิดสนธิสัญญาเรื่องน้ำที่มีมาแต่ยุคอาณานิคม และถือเป็น “ภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของชาติ”

ด้านซูดาน แม้จะเรียกร้องให้มีข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมายเช่นเดียวกับอียิปต์ แต่ก็อยู่ในสถานะที่อาจได้รับประโยชน์จากเขื่อนนี้ ทั้งในด้านการจัดการน้ำท่วมที่ดีขึ้น และการเข้าถึงพลังงานไฟฟ้าราคาถูก

ท่าทีของอียิปต์เคยได้รับการสนับสนุนจากโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงที่เขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก ซึ่งทรัมป์เคยกล่าวว่าสถานการณ์นี้อันตรายและอียิปต์อาจ “ระเบิดเขื่อนทิ้ง” แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ในขณะนั้นก็ไม่สามารถผลักดันให้เกิดข้อตกลงใด ๆ ได้

ถึงกระนั้น เอธิโอเปียยังคงยืนกรานในสิทธิอธิปไตยของตนและเดินหน้าโครงการต่อไป โดยเริ่มกักเก็บน้ำในอ่างเก็บน้ำมาตั้งแต่ปี 2563 พร้อมยืนยันว่าเขื่อนจะไม่ส่งผลกระทบเลวร้ายต่อประเทศปลายน้ำ

“เขื่อนนี้ไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่เป็นโอกาสร่วมกัน” นายกฯ อาบีย์กล่าว “พลังงานและการพัฒนาที่เกิดขึ้นจะยกระดับทั้งภูมิภาค ไม่ใช่แค่เอธิโอเปีย”

ข้อมูลจากการวิจัยอิสระชี้ว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา การไหลของน้ำยังไม่พบการเปลี่ยนแปลงที่น่ากังวล ส่วนหนึ่งเพราะมีปริมาณฝนที่ตกต้องตามฤดูกาล และเอธิโอเปียเลือกที่จะทยอยกักเก็บน้ำอย่างระมัดระวัง

สำหรับเอธิโอเปียซึ่งเผชิญกับความขัดแย้งภายในประเทศมานานหลายปี โครงการเขื่อน GERD ได้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจและสร้างความสามัคคีให้คนในชาติ

แมกนัส เทย์เลอร์ จากสถาบัน International Crisis Group ชี้ว่า “แนวคิดที่ว่าเอธิโอเปียควรมีสิทธิ์สร้างเขื่อนในดินแดนของตนเอง และไม่ยอมให้อียิปต์กดดัน คือสิ่งที่ชาวเอธิโอเปียส่วนใหญ่สนับสนุน”

ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนของโครงการมหาศาลนี้ 91% มาจากธนาคารกลางของเอธิโอเปีย และอีก 9% มาจากการระดมทุนของประชาชน โดยไม่มีเงินช่วยเหลือจากต่างชาติเลย

อนึ่ง เนื่องจากเอธิโอเปียเป็นประเทศไม่มีทางออกสู่ทะเล และกำลังพยายามหาเส้นทางออกสู่ทะเลแดงผ่านเอริเทรียหรือโซมาเลีย ทำให้อียิปต์หันไปให้การสนับสนุนสองประเทศนั้นเพื่อคานอำนาจ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ย. 68)