ZoomIn: รัฐบาลใหม่…ความหวังฟื้นเชื่อมั่นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 22.6 ล้านคน ติดลบ 7.1%YoY โดยเดือนกันยายน ถือเป็นเดือนที่มีนักท่องเที่ยวน้อยสุดในรอบปี จากฤดูกาล ภัยธรรมชาติ และความขัดแย้งไทย-กัมพูชา อย่างไรก็ดี คาดว่าไตรมาสสุดท้าย จำนวนนักท่องเที่ยวจะฟื้นกลับมาแตะ 95-97%YoY และทั้งปี 2568 จะอยู่ที่ 33-34 ล้านคน หดตัวราว 4-7%YoY

ส่วนสถานการณ์ไทยเที่ยวไทย จำนวนและรายได้จากการท่องเที่ยวยังทรงตัว เนื่องจากกำลังซื้อลดลง

 

นายกิตติ พรศิวะกิจ นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย และคณะกรรมการเฉพาะกิจด้านยุทธศาสตร์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ปัญหาหลักของภาคการท่องเที่ยวไทยที่รัฐบาลควรแก้ไขเร่งด่วน ได้แก่

1. ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SME ขาดสภาพคล่อง ทำให้ไม่สามารถพัฒนาสินค้า บริการ บุคลากรและเทคโนโลยีได้

2. ขาดการพัฒนาสู่มาตรฐานความปลอดภัยและยั่งยืน

3. ความรู้และทักษะด้านดิจิทัล ทั้งด้านการตลาด และการบริหาร

 

ดังนั้น เมื่อประเทศไทยได้นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดใหม่ ตามกลไกของรัฐสภาแล้ว รัฐบาลใหม่นี้สามารถใช้มาตรการเพื่อกระตุ้นทั้งการท่องเที่ยวภายในประเทศและต่างประเทศในช่วง 4 เดือน อาทิ

1. สร้าง “แคมเปญคนละครึ่งพลัส” ที่มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ ทั้ง กิน เที่ยว ช้อป เรียน

2. Joint Promotion ค่าเดินทาง เช่น ค่าตั๋วเครื่องบิน รถเช่า รถตู้ รถบัส

3. ตั้งกองทุนพัฒนาท่องเที่ยวไทย ส่งเสริมทุนในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ SME และบุคลากรท่องเที่ยว แบบ copayment

4. ส่งเสริมการสร้างสรรค์ Digital Content 10,000 ล้านวิว 15 ภาษากลุ่มเป้าหมาย ครอบคลุมทุกจังหวัด และตอบโจทย์ตามความสนใจเฉพาะกลุ่ม ผ่านทั้ง KoL และ KoC

5. เร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยกับต่างประเทศ ทั้งกลไกทางการทูต เครือข่ายธุรกิจ และดิจิทัล

สำหรับโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เมื่อระบบต่าง ๆ ลงตัว ถือว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยมองว่า ควรมีการเพิ่มเฟส 2 โดยปรับเงื่อนไขให้วงเงินต่อสิทธิน้อยลงเป็น 2,000 บาท เพื่อเปิดโอกาสให้โรงแรมขนาดเล็ก และเพิ่มการจองทริปท่องเที่ยว ร้านอาหาร และสปา และควรเพิ่มช่องทางการจองผ่านแพลตฟอร์มของคนไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพของ Online Travel Agent (OTA) ไทย ลดการถูกผูกขาดของ OTA ต่างชาติ

ส่วนการฟื้นโครงการ “คนละครึ่ง” จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศได้มากน้อยเพียงใดนั้น นายกิตติ มองว่า โครงการคนละครึ่งแบบเดิม จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากกว่า อาจจะส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวประมาณ 10-20% ทั้งนี้ ควรเพิ่มโครงการคนละครึ่งแบบใหม่ ๆ เช่น ทัวร์ไทยคนละครึ่ง อิ่มคนละครึ่ง หรือเรียนดีคนละครึ่ง เป็นต้น

สำหรับโครงการ “ทัวร์ไทยคนละครึ่ง” เป็นโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบ 1-Day Trip หรือ 2 วัน 1 คืน โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเดินทางกับบริษัทนำเที่ยว ซึ่ง ททท. จะใช้งบที่เหลือจากเที่ยวไทยคนละครึ่ง เพื่อให้ดำเนินการได้เร็วที่สุดในช่วง Low Season

ในส่วนของปัจจัยค่าเงินบาทที่แข็งค่าในช่วงนี้ มองว่า จะมีผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวของชาวต่างชาติพอสมควร ในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งสำคัญ เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม และจีน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ย. 68)