หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งตัว รับ sentiment บวกหุ้นสหรัฐทำนิวไฮ แต่จับตา DELTA กดดัน

นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งออกข้าง โดยคาดได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ทำ All Time High ต่อเนื่องเมื่อคืนนี้ จากปัจจัยเฉพาะตัวของ Nvidia รวมทั้งการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างไรก็ตามระยะถัดไประมัดระวังการถูกปรับลดน้ำหนักของหุ้น DELTA เนื่องจากปัจจัยมีสัดส่วน Adjust Marketcap ใน SET50 สูงกว่าเกณฑ์ พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,270 จุด และแนวต้าน 1,290 จุด

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัยสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งออกข้าง โดยได้แรงหนุนสภาพแวดล้อมต่างประเทศ ที่เมื่อวานตลาดหุ้นสหรัฐทำ All time High ต่อเนื่องจากปัจจัยเฉพาะตัวของ Nvidia และSentiment บวกจากการลดดอกเบี้ยของสหรัฐ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนสตลาดหุ้นไทยได้

อย่างไรก็ตามระยะถัดไปช่วงที่เหลือของเดือนแนะติดตามหุ้น DELTA ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน Adjust Marketcap ใน SET50 อยู่ระดับประมาณ 14% เกินเกณฑ์ Cap Weight ที่ 10% ดังนั้นอาจต้องระมัดระวังหุ้น DELTA ที่อาจถูกปรับน้ำหนักลงมา ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อ SET ได้ กลยุทธ์การลงทุนวันนี้แนะนำเลือกหุ้น Laggard และ Valuation ถูก แนะนำ CKP และ CPAXT

โดยให้กรอบแนวรับ 1,270 จุด และแนวต้าน 1,290 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (22 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,381.54 จุด เพิ่มขึ้น 66.27 จุด หรือ +0.14%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,693.75 จุด เพิ่มขึ้น 29.39 จุด หรือ +0.44% และ Nasdaq ปิดที่ 22,788.98 จุด เพิ่มขึ้น 157.50 จุด หรือ +0.70%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกในวันนี้ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 26,435.58 จุด เพิ่มขึ้น 91.44 จุด หรือ +0.35% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,830.14 จุด เพิ่มขึ้น 1.56 จุด หรือ +0.04% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดบวก 0.69% และดัชนี ASX/S&P 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวขึ้น 0.17% ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันศารทวิษุวัต (Autumnal Equinox)
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ก.ย.) 1,282.54 จุด ลดลง 10.18 จุด (-0.79%) มูลค่าซื้อขาย 31,595.35 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (22 ก.ย.) 1,697.02 ล้านบาท
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. (22 ก.ย.) ลดลง 4 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 62.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ก.ย.) อยู่ที่ 3.07 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.78 แนวโน้มผันผวน จับตาตัวเลขเศก.สหรัฐฯ คาดกรอบวันนี้ 31.70-31.90
  • “นายกฯ อนุทิน” นำทีม รัฐมนตรีเศรษฐกิจ พบสมาคมธนาคารไทยครั้งแรกรอบ 58 ปี ขอความร่วมมือแก้หนี้ครัวเรือนหนี้เอสเอ็มอี เร่งอัดฉีดสภาพคล่องธุรกิจ มอบโจทย์ “คลัง” สกัดเงินเทา ประสาน ธปท.-ปปง.-ก.ล.ต.เร่งด่วนโยงเส้นทางเงิน เปิดแผนฟื้นเศรษฐกิจไทย “Quick Big Win” สร้างความยั่งยืนและศรัทธาจากนานาชาติ
  • “เอกนิติ” สั่งตั้งทีมด่วนหาที่มา “เงินไหลเข้าปริศนา” หลังพบปี’67 ทะลักกว่า 5 แสนล้านบาท ส่วนไตรมาสแรกปีนี้เกือบแสนล้านบาท นักเศรษฐศาสตร์ชี้หากไม่สามารถอธิบายเงินไหลเข้าออกได้เสี่ยงดำเนินนโยบายการเงินพลาด ทำให้ประสิทธิภาพการบริหารนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนไม่มีประสิทธิภาพ
  • ‘พาณิชย์’ คุมเข้มสินค้าใช้สองทาง (DUI) ลุยเปิดระบบตรวจสอบ-ขอใบอนุญาตส่งออก เพื่อป้องกันการนำไปใช้ประกอบเป็นอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ดีเดย์เปิดตรวจสอบสินค้าหมวด 0 เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ อุปกรณ์แขนกล ยูเรเนียมธรรมชาติ
  • “ทองคำไทย” ยังเดินหน้า ทำจุด “ออลไทม์ไฮ” ไม่หยุด “ทองแท่ง” แตะ 55,600 บาท “สมาคมค้าทองคำ” ชี้ทิศทาง ราคายังเป็น “ขาขึ้น” ภายใต้ “ดอลลาร์อ่อน” ด้าน “วายแอลจี” มองทองไทยทำจุดสูงสุดเป็น “ประวัติการณ์ครั้งใหม่” รับ 2 ปัจจัยบวก “วายแอลจี กรุ๊ป” อานิสงส์ SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม

หุ้นเด่นวันนี้

  • KTC (ฟินันเซียไซรัส) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 32 บาท การเลื่อนการดำเนินงานและบันทึกค่าเสื่อมราคาระบบ IT จากไตรมาส 4/68 เป็น ไตรมาส 1/69 เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงด้านเทคนิคในช่วงที่มีรายการใช้จ่าย จะช่วยหนุนกำไรในระยะสั้นและทำให้ภาพ Cost-to-Income ratio ปีนี้ปรับตัวลดลง ส่วนด้านรายได้เน้นเพิ่มส่วนแบ่งตลาดกลุ่มรายได้สูง เราคาดว่า KTC มีโอกาสจ่าย Dividend Payout Ratio ที่สูงขึ้นจากปัจจุบันที่ 45% นอกจากนี้คาดว่าบริษัทจะมีกำไรส่วนเพิ่มจากธุรกิจนายหน้าประกันประกัน เราคาดกำไรปี 68-70 โตเฉลี่ยราว 5% CAGR
  • GFPT (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 13.40 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ GFPT จากแนวโน้ม ผลประกอบการใน ไตรมาส 3/68 ยังคงรักษาการเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยเราคาดว่า ราคาขายไก่ใน EU จะปรับตัวดีขึ้นราว 6% ในครึ่งหลังของปี 68 พร้อมกับต้นทุนการเลี้ยงที่ปรับตัวลดลงจากการนำเข้าถั่วเหลืองเลี้ยงสัตว์ในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกับเราคาดการณ์ว่าหากประเทศไทยมีการนำเข้าข้าวโพดจาก US ที่เป็นส่วนหนึ่งของ deal US reciprocal tariffs ก็จะมีต้นทุนที่ถูกลงราว 15-20% เทียบกับการนำเข้าจากเพื่อนบ้านหรือราคาในประเทศ ซึ่งจะมี upside เพิ่มเติมต่อประมาณการกำไรราว 5-10%
  • CENTEL (อินโนเวสท์ เอกซ์) ราคาเป้าหมายระยะสั้น 34 บาท ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว โรงแรมมัลดีฟส์ คาดได้แรงหนุนจาก High Season ใน ไตรมาส 4/68 และธุรกิจร้านอาหารในไทย (สัดส่วน52% ของรายได้ใน 1H68) มีโอกาสได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของรัฐบาล Valuation ไม่แพง เทรดต่ำกว่า -0.5SD 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ย. 68)