
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งสัปดาห์ในวันอังคาร (23 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา หลังจากการใช้จ่ายในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น และจากการที่หุ้นพลังงานลมที่ปรับตัวขึ้น หลังศาลมีคำตัดสินให้บริษัท Orsted ของเดนมาร์กกลับมาดำเนินโครงการกังหันลมนอกชายฝั่งในสหรัฐฯ ได้อีกครั้ง
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 554.95 จุด เพิ่มขึ้น 1.55 จุด หรือ +0.28%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,872.02 จุด เพิ่มขึ้น 41.91 จุด หรือ +0.54%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,611.33 จุด เพิ่มขึ้น 84.28 จุด หรือ +0.36% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,223.32 จุด ลดลง 3.36 จุด หรือ -0.04%
หุ้นยุโรปปิดบวกหลังจากแตะระดับสูงสุดระหว่างวันนับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. โดยตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคปิดบวก
ตลาดหุ้นโปรตุเกสปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ หลังรัฐบาลยังคงเป้าหมายเกินดุลงบประมาณในปีพ.ศ. 2568 ทำให้สามารถเดินหน้าลดอัตราหนี้ต่อจีดีพีต่อไป
หุ้นกลุ่มบริษัทสินค้าหรูอย่าง LVMH, L’Oreal และ Richemont ต่างติดอันดับหุ้นที่ปรับตัวขึ้นสูงสุด 10 อันดับแรกในดัชนี STOXX โดยข้อมูลธุรกรรมจากบัตรเครดิต/เดบิตของ Bank of America (BofA) แสดงให้เห็นว่า การใช้จ่ายเกี่ยวกับสินค้าหรูหราในสหรัฐฯ กลับมาเป็นบวกในเดือนก.ย. เป็นครั้งแรกในรอบ 37 เดือน
หุ้น Orsted พุ่งขึ้น 4% หลังผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตัดสินให้บริษัทพัฒนาพลังงานลมนอกชายฝั่งจากเดนมาร์กสามารถกลับมาดำเนินโครงการกังหันลมที่ใกล้เสร็จสิ้นนอกชายฝั่งโรดไอส์แลนด์ได้อีกครั้ง
หุ้นค้าปลีกปรับขึ้นเกือบ 2% โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้น 14.6% ของหุ้น Kingfisher ผู้ค้าปลีกอุปกรณ์ปรับปรุงบ้าน หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรตลอดทั้งปี
หุ้น Kingspan Group ของไอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 8.2% หลังประกาศแผนเสนอขายหุ้น IPO ของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ADVNSYS สัดส่วน 25% ซึ่งอาจทำให้ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างรายนี้ปลอดหนี้
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น 0.6% โดยพลิกจากการติดลบในช่วงแรก หลังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทฟื้นตัว เนื่องจาก Nvidia ประกาศว่าจะลงทุนสูงสุด 1 แสนล้านดอลลาร์ใน OpenAI และจัดหาชิปศูนย์ข้อมูลให้ด้วย
ดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวลง 1.2% โดยยุติการปรับขึ้นรายวันยาวนานที่สุดในรอบกว่าหนึ่งเดือน โดยหุ้น Roche และ Novo Nordisk ต่างร่วงลงกว่า 2%
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจนั้น การเติบโตของยูโรโซนยังคงแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากความสามารถทางการคลังของรัฐบาลเยอรมนีที่ช่วยชดเชยความกังวลทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศส แต่มีสัญญาณความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเมื่อภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ เริ่มส่งผลกระทบ
เศรษฐกิจฝรั่งเศสหดตัวในช่วงเวลาเดียวกัน ขณะที่ธุรกิจอังกฤษรายงานภาวะชะลอตัวและความเชื่อมั่นถดถอยลง
ธนาคารกลางสวีเดนปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 1.75% และส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยไปอีกระยะ ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นสตอกโฮล์มปิดบวก 0.7% หลังแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ย. 68)