หุ้นไทยปิดร่วง 17.15 จุด กลุ่มพลังงานกดดันหลังราคาน้ำมันร่วงแรง-โควิดระบาดหนัก

SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,538.86 จุด ลดลง 17.15 จุด (-1.10%) มูลค่าการซื้อขาย 92,956.58 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ติดลบตามตลาดสหรัฐฯหลังราคาน้ำมันร่วงแรงรับผลกลุ่มโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันแม้โควิดยังระบาดหนัก และตลาดบ้านเรามีหุ้นในกลุ่มพลังงานค่อนข้างมากจึงรับแรงกดดันมากตามไปด้วย นอกจากนี้ยังเจอแรงกดดันเพิ่มจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังสูง แต่การเซ็นสัญญาซื้อวัคซีนไฟเซอร์ รวมถึงตลาดยุโรปและดาวโจนส์ฟิวเจอร์สฟื้นช่วยหนุน Sentiment ให้ลดช่วงลบลงบ้าง มองตลาดฯมี Downside ต่ำ-รอบนี้ไม่น่าจะลงลึกกว่า 1,500 จุด พรุ่งนี้มีลุ้นรีบาวด์แต่คงยังไปไม่พ้นแนวต้าน 1,550 ส่วนแนวรับ 1,520-1,500 จุด

  • ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,538.86 จุด ลดลง 17.15 จุด (-1.10%) มูลค่าการซื้อขาย 92,956.58 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,552.38 จุด และระดับต่ำสุด 1,530.62 จุด
  • ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 400 หลักทรัพย์ ลดลง 1,414 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 301 หลักทรัพย์

นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวลงแรง ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างติดลบ หลังราคาน้ำมันร่วงแรงจากการที่กลุ่มโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ท่ามกลางสถานการณ์ทั่วโลกที่ยังมีความกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ ทำให้มองว่าการขยายกำลังผลิตน้ำมันอาจผิดจังหวะ ซึ่งตลาดบ้านเรามีหุ้นในกลุ่มพลังงานค่อนข้างมากจึงตอบรับประเด็นนี้ไปมาก

นอากจากนั้น ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญแรงกดดันเดิม จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายวันสูงมากกว่าหมื่นราย แต่ได้ประเด็นการเซ็นสัญญาซื้อวัคซีนไฟเซอร์มาช่วยหนุนตลาดฯได้บ้าง รวมถึงตลาดยุโรปเทรดช่วงบ่ายนี้ฟื้นตัวเปิดบวกได้เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส จึงเป็น Sentiment หนุนตลาดบ้านเราให้ฟื้นตัวกลับขึ้นมาลดช่วงลบได้บ้างเล็กน้อยในช่วงบ่าย

นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ทั้งของสหรัฐและไทยลงมาอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ต้องหันกลับมาดู Earning yield gap อีกรอบ อย่างไรก็ดี มองตลาดฯตอนนี้มี Downside ต่ำแล้ว เชื่อว่ารอบนี้ดัชนีฯไม่น่าจะลงไปต่ำกว่า 1,500 จุด แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ และการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ รวมถึงรอดูผลของการยกระดับมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดโควิด-19 จะเอาอยู่หรือไม่

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (21 ก.ค.) นายสุโชติ กล่าวว่า ตลาดฯมีโอกาสรีบาวด์หลังจากลงไปมากแล้ว แต่เชื่อว่าคงยังไปไหนได้ไม่ไกล ไม่น่าจะพ้นแนวต้าน 1,550 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,520-1,500 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

  • PTT มูลค่าการซื้อขาย 4,989.27 ล้านบาท ปิดที่ 35.75 บาท ลดลง 0.75 บาท
  • SNNP มูลค่าการซื้อขาย 4,866.11 ล้านบาท ปิดที่ 10.40 บาท เพิ่มขึ้น 1.20 บาท
  • KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,471.48 ล้านบาท ปิดที่ 109.00 บาท ลดลง 3.50 บาท
  • GUNKUL มูลค่าการซื้อขาย 3,173.50 ล้านบาท ปิดที่ 4.90 บาท ลดลง 0.10 บาท
  • AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,568.93 ล้านบาท ปิดที่ 58.00 บาท ลดลง 1.75 บาท

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ค. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top