แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสชะลอตัว รองบกลุ่มแบงก์-การประชุมเฟด

นักวิเคราะห์ฯคาด ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะชะลอตัวระหว่างรอการประกาศผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคาร และในระยะสั้นก็กังวลเกี่ยวกับข่าวกลุ่มธนาคารที่มีการตัดเงินลูกค้าผิดปกติ ทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารมีโอกาสย่อตัว สำหรับปัจจัยต่างประเทศในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้าจะยังไม่มีเด่นมากนัก แต่ต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯในช่วงวันที่ 2-3 พ.ย.ด้านการลงทุนแนะนำหุ้นใหญ่อย่าง KBANK และต้องระมัดระวังหุ้นกลุ่มประกันหลังจากมีข่าวเรื่องการสั่งยกเลิกใบอนุญาตของบริษัทประกันบางแห่ง พร้อมให้แนวรับที่ 1,627 จุดและ 1,620 จุด และแนวต้านที่ 1,650 จุด

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะชะลอตัวระหว่างรอการประกาศผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารในช่วงวันที่ 19-21 ต.ค. ขณะเดียวกันในระยะสั้นตลาดก็กังวลเกี่ยวกับข่าวกลุ่มธนาคารที่มีการตัดเงินผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของลูกค้าจำนวนมาก ทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารมีโอกาสย่อตัวในระยะสั้นได้

สำหรับปัจจัยจากต่างประเทศที่สำคัญคือต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯในช่วงวันที่ 2-3 พ.ย. แต่ในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้านี้น่าจะยังไม่มีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก เพราะคาดว่านักลงทุนจะให้น้ำหนักกับการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในประเทศมากกว่า

ด้านตลาดภูมิภาคเอเชียที่เปิดมาแล้วอย่างตลาดญี่ปุ่นกับตลาดเกาหลีใต้จะเป็นลบเล็กน้อยเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วตลาดเอเชียมีการฟื้นตัวขึ้นมาแรง สัปดาห์นี้เลยอาจจะไม่ได้มีปัจจัยที่ชัดเจนในการสนับสนุนตลาดในระยะสั้น

คำแนะนำการลงทุนวันนี้เป็นลักษณะการเก็งกำไรหุ้นรายตัว ไม่ได้มีกลุ่มชัดเจน และมองว่าการอ่อนตัวลงมาของหุ้นกลุ่มธนาคารทำให้มีโอกาสที่จะซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคาร โดยแนะนำหุ้นใหญ่อย่าง KBANK และในระยะสั้นต้องระวังหุ้นกลุ่มประกัน หลังจากมีข่าวเรื่องการสั่งยกเลิกใบอนุญาตของบริษัทประกันบางแห่ง และการเคลมประกันโควิด-19ที่มีค่อนข้างสูงในไตรมาส3/64 ก็น่าจะส่งผลกระทบต่องบไตรมาส3/64 เช่นกัน

พร้อมให้แนวรับที่ 1,627 จุดและ 1,620 จุด และแนวต้านที่ 1,650 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,294.76 จุด เพิ่มขึ้น 382.20 จุด หรือ +1.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,471.37 จุด เพิ่มขึ้น 33.11 จุดหรือ +0.75% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,897.34 จุด เพิ่มขึ้น 73.91 จุด หรือ +0.50%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 29,093.82 จุด เพิ่มขึ้น 25.19 จุด หรือ +0.08%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 25,425.32 จุด เพิ่มขึ้น 94.36 จุด หรือ +0.38% ส่วนดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,571.05 จุด ลดลง 1.32 จุด หรือ -0.04%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ต.ค.) 1,638.34 จุด ลดลง 2.63 จุด (-0.16%)

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,413.25 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ต.ค.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 ต.ค.) ปิดที่ 82.28 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 97 เซนต์ หรือ 1.2% นับตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. 2557 และในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พุ่งขึ้น 3.7%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ต.ค.) อยู่ที่ 7.76 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.42/44 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 33.40 – 33.50 ตลาดรอตัวเลข GDP จีน

– “นักเศรษฐศาสตร์” เล็งเพิ่มเป้าจีดีพีปีหน้ารับอานิสงส์เปิดเมือง 1 พ.ย. ค่ายกสิกรไทยมั่นใจกิจกรรมเศรษฐกิจกลับมา “ทีทีบี” เชื่อท่องเที่ยวในประเทศฟื้น “ซีไอเอ็มบีไทย” ลุ้นโตทะลุ 4% จากเดิมคาด 3.2% “กรุงไทย” มั่นใจหากวัคซีนเข้าเป้า ปีหน้าจีดีพีโตถึง 6% “สศค” เตรียมประกาศคาดการณ์ 28 ต.ค.นี้ ลุ้นส่งออก-ใช้จ่ายในประเทศ-นโยบายภาครัฐ

– สธ.เผยแผนรับมือเปิดประเทศ กำหนด 2 เกณฑ์ “ไม่กักตัว-ไม่จำกัดพื้นที่” เบื้องต้นมี 7 กลุ่มประเทศพิจารณามูลค่าทางเศรษฐกิจกับการครอบคลุมวัคซีน พร้อมเร่งฉีดวีคซีน 17 จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว ก่อน 1 พ.ย.นี้ เตรียมเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรค-แผนการแพทย์ เชื่อระบาดเกิดยากขึ้น เผยฉีดวัคซีนแล้ว 65 ล้านโดส

– นายกรกฎ ชาตะสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย การบินไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ภาครัฐมีนโยบายเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ สิ่งที่การบินไทยมีความกังวลและอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ เรื่องแรกขอให้รัฐบาลพิจารณาเลื่อนการบังคับใช้จัดเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวต่างชาติ Tourist Inbound Tax ที่จะให้สายการบินทุกสายที่นำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามายังประเทศไทยเป็นผู้จัดเก็บให้ออกไปก่อนจากเดิมกำหนดให้จัดเก็บในช่วงไตรมาส 1 ของปี 65 จนกว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวส่งสัญญาณฟื้นตัวในปี 66

– ผู้ว่า กทม.ยันพร้อมเปิดเมือง 1 พ.ย.นี้รับนักท่องเที่ยวกลุ่มเสี่ยงต่ำ เอกชนเผยนักธุรกิจเป็นกลุ่มแรกที่จะเข้ามาก่อน ชี้ยิ่งเปิดเร็วยิ่งเปิดโอกาสธุรกิจ ขณะที่ศบค.สั่งเร่งทำเกณฑ์พิจารณาเคาะบัญชีประเทศเสี่ยงต่ำใน 20 ประเทศทั้งไฟเขียวเปิด 15 จังหวัดสีฟ้าคลายล็อก ลดจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มเหลือ 23 จังหวัด ลดเคอร์ฟิวเหลือ 5 ทุ่ม-ตี 3

– “เจอ-จ่าย-จบ” ฝันร้ายธุรกิจประกัน ยอดเคลมทะลักทุบบริษัทประกันบาดเจ็บสาหัส รมว.คลัง เซ็นคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต-ปิดกิจการ “เอเชียประกันภัย” ตั้งกองทุนวินาศภัย เป็นผู้ชำระบัญชีจ่ายหนี้ พร้อมแผนถ่ายโอนลูกค้ากว่า 2 ล้านกรมธรรม์ ดึง “ทิพยประกันภัย” รับโอนลูกค้าโควิด 8 แสนฉบับ วงในมั่นใจไม่กระทบความเชื่อมั่น ฝั่งซีอีโอ “เดอะวันประกันภัย” ยันกลุ่มบิวตี้เจมส์ผู้ถือหุ้นพร้อมใส่เงินเพิ่มทุน

– รัฐบาลบิ๊กตู่เตรียมคลอดแพ็กเกจชุดใหญ่หนุนรถยนต์ไฟฟ้า “ลวรณ” แจงเคาะแล้วทั้งภาษีสรรพสามิต ภาษีนำเข้าและมาตรการจูงใจให้คนไทยซื้อรถอีวี พร้อมดีเดย์มีผลบังคับใช้ปี’65 เตรียมแถลงความชัดเจนปลายปีนี้ ค่ายรถเฮเร่งทำคลอดเร็วขึ้น ยันภาษีสรรพสามิต 0% แบบมีเงื่อนไขรับได้ แย้มปลายปี’65 ได้ยลโฉม อีวีจีนลั่นพร้อมขึ้นไลน์ผลิตทันที

– ธุรกิจขานรับมาตรการเปิดประเทศ-ผ่อนคลายมาตรการ ลดเวลาเคอร์ฟิว หนุนไฮซีซั่นคึกคัก มู้ดเดินทางสดใส “แอตต้า” คาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศทยอยเข้าไทย แนะรัฐเร่งคุมโควิดสร้างความมั่นใจ “เดอะมอลล์” ชี้ ร้านอาหาร-ซูเปอร์มาร์เก็ต ทราฟฟิกพุ่งเตรียมจัดแคมเปญปลุกจับจ่ายโค้งท้าย “เซ็นทรัล” แย้มไต๋งานใหญ่เคานต์ดาวน์ ขณะที่คอนเสิร์ตปลายปี ลุ้นระทึก รอ ศบค.คลอดไกด์ไลน์

หุ้นเด่นวันนี้

– BANPU (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” เป้า 14.60 บาท คาดกำไรปกติ Q3/64 โตโดดเด่น +889% Q-Q และพลิกจากขาดทุนปีก่อนตามราคาถ่านหินที่พุ่งแรง ซึ่งชดเชยผลขาดทุน Hedging ได้ ขณะที่ Q3/64 คาดยังโดดเด่นต่อเนื่องจากราคาถ่านหินละก๊าซที่ยังพุ่ง เราคาดปี 64-65 มีกำไรปกติปีละ 8-9 พันลบ. ราคาถ่านหินปัจจุบันอยู่ที่ US$240 ต่อตัน แต่เชื่อว่าแม้จะเกิดการพักฐานของราคา แต่ยังคงสูงกว่าสมมติฐานปี 64-65 ที่ US$90 ต่อตันและ US$75 ต่อตันค่อนข้างมาก ทำให้ประมาณการมี Upside

– PTTEP (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 160.00 บาท ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเป็นบวกโดยตรงกับ PTTEP เนื่องจากมีสูตรราคาเป็น Oil link แนวโน้มกำไรสุทธิ Q3/64 คาดสูงขึ้น qoq และ yoy ตามราคาขายที่เพิ่มขึ้นและไตรมาสนี้คาดว่าจะไม่มี Hedging loss จำนวนมากเหมือน Q2/64 (มี Hedging loss 3,900 ล้านบาท)

– HANA (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 75-77 บาท พร้อมผลิตอุปกรณ์อินเวอร์เตอร์ ออน/ออฟบอร์ด รถ EV และอุปกรณ์ไฟฟ้ามาตรฐานสูงแก่ลูกค้าจีนเกาหลี ใน Q3/65 หาก Feedback ดีพร้อมขยายการลงทุนและการผลิต คาดกำไร Q4/64 จะฟื้นหลังแผ้วในช่วง Q3/64 ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และการปิดสายการผลิตที่อยุธยา ด้าน Demand ทั่วโลกยังพุ่ง KTBST ประเมินกำไรปี 65-66 ที่ 2.45 พัน ลบ. และ 2.74 พัน ลบ. +29%YoY, +11%YoY ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ต.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top