IPOInsight: SM เงินติดดาว เจ้าถิ่นบูรพา ตัวตึง EEC

บมจ.สตาร์ มันนี่ (SM) เตรียมพร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 300 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.27% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ที่ราคา 2.04 บาท/หุ้น และคาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในปี 65

ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วน P/E ที่ประมาณ 17.25 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัทในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง ขณะที่ P/E ของบริษัทจดทะเบียนอื่นที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจในลักษณะคล้ายคลึงมีค่าเฉลี่ยที่ 29.71 เท่า

*ลักษณะการประกอบธุรกิจ

SM ประกอบธุรกิจหลัก 2 ประเภท คือ 1) จำหน่ายสินค้า เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ตู้แช่ รถจักรยานยนต์ และอุปกรณ์อื่น ๆ ทั้งขายเงินสดและผ่อนชำระ จัดทำเป็นสัญญาเช่าซื้อ โดยจำหน่ายสินค้าผ่าน “ร้านสตาร์มันนี่” ที่ถือเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ในภาคตะวันออก รวมถึงจำหน่ายผ่าน Platform E-Marketplace ด้วย

และ 2) ปล่อยสินเชื่อ ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน, สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่ใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และสินเชื่อที่มีหลักประกันอื่น ๆ เช่น ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

บริษัทยังให้บริการด้านอื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เช่น นายหน้าประกันวินาศภัย รวมถึงบริการซื้อประกันรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ) และต่อภาษีประจำปีรถยนต์ เป็นต้น

*โอกาสการเติบโต

นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ SM เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า ธุรกิจจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบขายเงินสดและขายผ่อนชำระ ยังมองเห็นเทรนด์การเติบโตอีกมาก เพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีในครัวเรือน อาทิ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น เป็นของที่ขาดไม่ได้ รวมถึงโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเทคโนโลยี 5G และอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ประกอบกับแนวโน้มราคาสินค้าต่ำลงทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้มากขึ้น

ส่วนธุรกิจปล่อยสินเชื่อมีโอกาสเติบโตเช่นกัน อ้างอิงจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่าในปี 62 สินเชื่อในกลุ่ม Non-Bank ที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกันมีพอร์ตราว 9 หมื่นล้านบาท และเติบโตขึ้นเป็นเกือบ 1 แสนล้านบาทในปี 64 เติบโตเฉลี่ยประมาณ 28% ต่อปี นับว่าเป็นการเติบโตที่ค่อนข้างสูง

ขณะที่ข้อมูลอ้างอิงจากรมการขนส่งทางบก พบว่าจำนวนรถจดทะเบียนทั่วประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากในปี 60 มีจำนวนรถจดทะเบียนราว 38 ล้านคัน ส่วนปี 64 มีจำนวนรถจดทะเบียนประมาณ 42 ล้านคัน คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 2.5% ต่อปี ซึ่งหากพิจารณาจำนวนรถจดทะเบียนเฉพาะภาคตะวันออก จะมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 10% ของจำนวนรถจดทะเบียนทั่วประเทศไทย

นอกจากนี้ SM ยังได้รับประโยชน์โดยตรงจากแผนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะมีการลงทุนจากภาครัฐและภาคเอกชนอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์ ภาคการท่องเที่ยวและโรงแรม จะเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการจ้างงาน การสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่

*ข้อได้เปรียบของบริษัท

“จริง ๆ แล้วธุรกิจนี้สำคัญที่สุดเลยก็คือเราต้องเข้าใจลูกค้า เข้าถึงลูกค้า แล้วก็ให้ลูกค้าเข้าถึงเราให้มากที่สุด นี่คือหัวใจเลย ลูกค้ามีปัญหาในการเข้าถึงสถาบันการเงินไม่ได้ เขาจึงมาหาเรา ในเมื่อเขามาหาเราแล้ว เราก็ต้องทำให้เขาสบายใจ มั่นใจเรา” นายชูศักดิ์กล่าว

และอีกหนึ่งจุดแข็งคือประสบการณ์และมีความชำนาญในพื้นที่ภาคตะวันออก เพราะเราเกิดและโตมาในภาคตะวันออก ผู้บริหารของเรารู้จักลูกค้าและเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าในพื้นที่ค่อนข้างดี จึงทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการกับเราอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน SM มีสาขาทั้งหมด 91 สาขา แบ่งเป็นสาขาหลัก 16 สาขา สาขาย่อย 69 สาขา Express 3 สาขา และสาขาสนับสนุนการทำธุรกิจอีก 3 สาขา โดยปัจจุบันสาขาครอบคลุม 7 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง จันทบุรี ชลบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และสระแก้ว รวมถึงได้เริ่มขยายสาขาไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดอุดรธานีและจังหวัดนครราชสีมา

*แผนระดมทุนและวัตถุประสงค์

  • เพื่อขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อทุกประเภท ขยายสาขา รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย และ/หรือประกันชีวิต เป็นต้น
  • เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนจากสถาบันการเงิน
  • เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ

*แผนธุรกิจระยะยาว

“หลังจากระดมทุน เราคงจะเน้นใน Core Business ที่เรามีความชำนาญอยู่ ส่วนแรก จะเป็นการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้น ปีละไม่ต่ำกว่า 10-15 สาขา เพื่อรองรับการเติบโตของ EEC ส่วนที่สองจะเป็นการเพิ่มสินเชื่อเช่าซื้อให้มากขึ้น เพราะสินเชื่อเช่าซื้อมีผลตอบแทนที่สูง จะทำให้ Loan Yield และ Net Interest Margin อยู่ในระดับที่เติบโตค่อนข้างดี และเราก็จะพยายามรักษาธุรกิจการให้สินเชื่อให้เติบโตต่อเนื่องสม่ำเสมอ รวมถึงเราก็พร้อมที่จะแสวงหาโอกาสไปภาคอื่น ๆ ให้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น” นายชูศักดิ์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ย. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top