รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นการบริโภค เน้นภาคยานยนต์-อสังหาฯ

สภาแห่งรัฐของจีนประกาศมาตรการเพื่อฟื้นฟูและส่งเสริมการอุปโภคบริโภคในภาคยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ และการบริการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้การอุปโภคบริโภคมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ

สภาแห่งรัฐของจีนระบุในแถลงการณ์ซึ่งมีการเผยแพร่ในวันนี้ (31 ก.ค.) ว่า รัฐบาลจะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานสำหรับชาร์จพลังงาน เพื่อส่งเสริมการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มากขึ้น ตลอดจนจัดหาที่อยู่อาศัยให้เช่าราคาไม่แพงเพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัย และกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยสั่งการให้รัฐบาลท้องถิ่นทำการลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมเข้าชมพื้นที่ท่องเที่ยวในช่วงที่มีนักท่องเที่ยวน้อย

เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการเพื่อปฏิรูปและการพัฒนาแห่งชาติจีน (NDRC) ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของรัฐบาลจีนในวันนี้ว่า ทางการจีนจะใช้โอกาสช่วงวันหยุดฤดูร้อน, วันหยุดเทศกาลไหว้พระจันทร์ และวันหยุดวันชาติจีน ส่งเสริมการบริโภคในช่วงวันหยุด

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) ส่งสัญญาณใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์ เร่งสร้างเสถียรภาพของการจ้างงาน กระตุ้นอุปสงค์การอุปโภคบริโภค และแก้ไขปัญหาหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น

การประชุมโปลิตบูโรซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน 24 คนได้จัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 24 ก.ค. โดยที่ประชุมให้คำมั่นว่าจะใช้นโยบายที่สามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจ (counter-cyclical policy) ขณะเดียวกันก็ยังคงยึดมั่นในการดำเนินนโยบายการเงินอย่างรอบคอบระมัดระวัง และดำเนินนโยบายการคลังในลักษณะป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้า

การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังของจีนได้กระตุ้นให้หลายฝ่ายเรียกร้องจีนให้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ว่านายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนได้แสดงความเชื่อมั่นว่าจีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ระดับ 5% ในปีนี้ก็ตาม

ล่าสุดสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนก.ค. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ในเดือนก.ค. เนื่องจากเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกยังคงเผชิญกับภาวะซบเซา ท่ามกลางอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนแรงลง

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top