BAY คาดกรอบบาทสัปดาห์นี้ 32.25-32.90 นโยบายทรัมป์เพิ่มความไม่แน่นอน

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.25-32.90 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 32.55 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 32.54-33.29 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 7 เดือน เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ โดยดอลลาร์หยุดสถิติการฟื้นตัว 4 สัปดาห์ติดต่อกัน

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ระยะยาวของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น หลังผลประมูลอ่อนแอ่กว่าคาด และนักลงทุนระมัดระวังต่อความเสี่ยงที่รัฐบาลของทรัมป์ กำลังเผชิญจากร่างกฎหมายที่ขาดความน่าเชื่อถือ และจะเพิ่มหนี้สาธารณะอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 10 ปีข้างหน้า สะท้อนข้อกังขาเรื่องความเชื่อมั่นในสินทรัพย์สหรัฐฯ

อนึ่ง แม้ตัวเลข PMI เดือนพ.ค.เบื้องต้นของสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด แต่เงินดอลลาร์ไม่สามารถประคองตัวได้ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้น และพันธบัตรไทยสุทธิ 4,239 ล้านบาท และ 16,493 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ ตลาดจะติดตามข้อมูลเงินเฟ้อ PCE เดือนเมษายนของสหรัฐฯ ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้ารุนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีทรัมป์ เสนอให้เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรปในอัตรา 50% เริ่มวันที่ 1 มิ.ย.68 แต่ทรัมป์ได้กล่าวในเวลาถัดมาว่า จะเริ่มเก็บภาษีดังกล่าววันที่ 9 ก.ค.68 ตอกย้ำการบริหารนโยบายที่ขาดความแน่นอน

ขณะเดียวกัน นักลงทุนมองถึงความเป็นไปได้ที่รัฐบาลทรัมป์ กำลังผลักดันให้ประเทศต่าง ๆ ปล่อยให้สกุลเงินของตนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และอาจเป็นส่วนหนึ่งของข้อต่อรองเรื่องภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ภายในเส้นตายวันที่ 9 ก.ค.68 นอกจากนี้ ทิศทางด้านการคลังของสหรัฐฯ ยังเพิ่มความเปราะบางเชิงโครงสร้างสำหรับค่าเงินดอลลาร์ โดยสำนักงานงบประมาณของรัฐสภาสหรัฐฯ ประเมินว่าร่างกฎหมาย One Big Beautiful Bill จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายรวม 10 ปี 2.8 ล้านล้านดอลลาร์ หรืออาจสูงถึง 4.6 ล้านล้านดอลลาร์ กรณีการลดภาษีชั่วคราวทั้งหมดกลายเป็นมาตรการถาวร

ส่วนปัจจัยในประเทศ เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/68 ขยายตัว 3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ แต่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP ปีนี้ ลงมาอยู่ที่ 1.3-2.3% จากเดิม 2.3-3.3% และยังปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตของมูลค่าส่งออก เหลือ 1.8% จาก 3.5% ท่ามกลางความเสี่ยงจากสงครามการค้า

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 พ.ค. 68)

Tags: , , ,
Back to Top