เปิดโผพาสปอร์ตทรงอิทธิพล สิงคโปร์ยืนหนึ่ง สหรัฐฯ-อังกฤษร่วงต่อ ไทยอยู่อันดับไหน?

สิงคโปร์ยังคงครองแชมป์พาสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกได้อย่างเหนียวแน่น โดยผู้ถือพาสปอร์ตสิงคโปร์สามารถเดินทางเข้าจุดหมายปลายทาง 193 แห่งโดยไม่ต้องขอวีซ่า ตามรายงานดัชนี Henley Passport Index ล่าสุด ซึ่งจัดอันดับความแข็งแกร่งของหนังสือเดินทางทั่วโลกโดยพิจารณาจากจำนวนประเทศที่ผู้ถือพาสปอร์ตสามารถเดินทางเข้าได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า

สำหรับพาสปอร์ตไทยอยู่ในอันดับที่ 62 สามารถเดินทางเข้า 81 จุดหมายปลายทางโดยไม่ต้องขอวีซ่า ทั้งนี้ดัชนีดังกล่าวอ้างอิงข้อมูลจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ครอบคลุมหนังสือเดินทาง 199 ประเทศและดินแดน และจุดหมายปลายทาง 227 แห่งทั่วโลก

 

ยุโรป-เอเชียกวาดท็อปไฟว์

ประเทศเอเชียครองเบอร์ต้น ๆ ในการจัดอันดับ โดยนอกจากสิงคโปร์ที่ขึ้นแท่น No.1 แล้ว ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ยังผงาดครองอันดับ 2 ร่วมกัน โดยพลเมืองของทั้งสองประเทศสามารถเข้าถึง 190 จุดหมายปลายทางโดยไม่ต้องขอวีซ่า

ส่วนที่เหลือใน 5 อันดับแรก ปรากฏว่าประเทศยุโรปกวาดไปเกือบหมด โดย 7 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ได้แก่ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ไอร์แลนด์ อิตาลี และสเปน ครองอันดับ 3 ร่วมกัน ด้วยจำนวน 189 จุดหมายปลายทาง

ขณะที่อีก 7 ประเทศในยุโรป ได้แก่ ออสเตรีย เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปรตุเกส และสวีเดน อยู่ที่อันดับ 4 ร่วม ด้วยจำนวน 188 จุดหมายปลายทาง

นิวซีแลนด์จากภูมิภาคโอเชียเนีย เป็นเพียงประเทศเดียวที่สามารถท้าทายการครองอำนาจการเดินทางของเอเชียและยุโรปในการจัดอันดับดัชนี Henley Passport Index ครั้งนี้ โดยอยู่ในอันดับ 5 ร่วมกับกรีซและสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยจุดหมายปลายทาง 187 แห่งโดยไม่ต้องขอวีซ่า

 

อัฟกานิสถานรั้งท้าย ช่องว่างการเดินทางกว้างขึ้น

ในอีกด้านหนึ่ง อัฟกานิสถานยังคงรั้งท้ายการจัดอันดับ โดยชาวอัฟกันสามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางเพียง 25 แห่งโดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงช่องว่างด้านการเดินทางที่กว้างถึง 168 จุดหมายปลายทางระหว่างพาสปอร์ตที่ติดอันดับสูงสุดและอันดับต่ำสุด

 

UK-US แนวโน้มขาลง vs อินเดีย-ซาอุฯ อันดับก้าวกระโดด

ทั้งสองประเทศเคยเป็นพาสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก โดยสหราชอาณาจักรเคยเป็นอันดับ 1 ในปี 2558 และสหรัฐอเมริกาในปี 2557 แต่ในการจัดอันดับล่าสุดทั้งสองประเทศต่างมีอันดับลดลงประเทศละ 1 อันดับ สหราชอาณาจักรอยู่อันดับ 6 ด้วยจำนวน 186 จุดหมายปลายทาง ขณะที่สหรัฐอเมริกาอยู่อันดับ 10 จำนวน 182 จุดหมายปลายทาง โดยสหรัฐฯ กำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะหลุดจาก 10 อันดับแรกเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีของการจัดทำดัชนี

ขณะที่มหาอำนาจเก่าอันดับลดลง ในทางกลับกัน อินเดียมีอันดับที่ก้าวกระโดดมากที่สุดในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา โดยไต่ขึ้นแปดอันดับจากที่ 85 มาอยู่ที่ 77 ด้วยจำนวนจุดหมายปลายทาง 59 แห่งที่ไม่ต้องขอวีซ่า เพิ่มขึ้นสองแห่งจากการจัดอันดับเมื่อเดือนม.ค. ขณะที่ซาอุดีอาระเบียขยับขึ้นสี่อันดับมาอยู่ที่ 54 โดยชาวซาอุฯ เดินทางเข้า 91 จุดหมายปลายทางโดยไม่ต้องขอวีซ่า เพิ่มขึ้นสี่จุดหมายปลายทาง

 

UAE – จีน ผู้นำการเปลี่ยนแปลง

การวิเคราะห์ระยะยาวเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกไปสู่การเปิดกว้างที่เพิ่มขึ้น โดยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประเทศที่อันดับขึ้นสูงที่สุด โดยพุ่งขึ้น 34 อันดับในรอบ 10 ปี จากอันดับ 42 มาอยู่ที่ 8 ในการจัดอันดับล่าสุด

จีน เป็นอีกประเทศที่น่าจับตา โดยพุ่งขึ้น 34 อันดับเช่นกัน จากอันดับ 94 ในปี 2558 มาอยู่ที่ 60 ในปีนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการเปิดประเทศมากขึ้น โดยตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา จีนยกเว้นวีซ่าให้กับประเทศใหม่ ๆ กว่าสิบแห่ง ซึ่งรวมถึงกลุ่มประเทศ GCC อย่างบาห์เรน คูเวต โอมาน ซาอุดีอาระเบีย และหลายประเทศในอเมริกาใต้ เช่น อาร์เจนตินา บราซิล ชิลี เปรู และอุรุกวัย

 

เอเชียแปซิฟิกขับเคลื่อนการเดินทางทางอากาศ

การเปิดประเทศเพิ่มขึ้นของจีนเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ทางการจีนดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อผนวกกับความแข็งแกร่งของพาสปอร์ตจากประเทศเพื่อนบ้าน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเดินทางทั่วโลก

วิลลี วอล์ช ผู้อำนวยการทั่วไปของ IATA กล่าวว่า ความต้องการเดินทางทางอากาศโดยรวมมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง 5.8% ในช่วงห้าเดือนแรกของปี 2568 โดยมีความแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ซึ่งสายการบินในเอเชียแปซิฟิกเป็นผู้นำ ด้วยอัตราการเติบโต 9.5%

ที่น่าสนใจคือหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกต่างทำอันดับได้ดี หากไม่รวมญี่ปุ่นและเกาหลี ซึ่งอยู่อันดับ 2 ร่วม และจีนที่อันดับ 60 แล้ว ประเทศและเขตปกครองอื่น ๆ ได้แก่ ฮ่องกง อันดับ 17 (169 จุดหมายปลายทาง) มาเก๊า อันดับ 31 (144 จุดหมายปลายทาง) และไต้หวัน อันดับ 33 (139 จุดหมายปลายทาง)

ส่วนประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากสิงคโปร์ที่รั้งอันดับ 1 แล้ว ประเทศที่เหลือ ได้แก่ มาเลเซีย อันดับ 11 (181 จุดหมายปลายทาง) บรูไน อันดับ 19 (164 จุดหมายปลายทาง) ไทย อันดับ 62 (81 จุดหมายปลายทาง) อินโดนีเซีย อันดับ 66 (74 จุดหมายปลายทาง) ฟิลิปปินส์ อันดับ 72 (65 จุดหมายปลายทาง) กัมพูชา อันดับ 83 (52 จุดหมายปลายทาง) ลาว อันดับ 86 (48 จุดหมายปลายทาง) และ เมียนมา อันดับ 88 (45 จุดหมายปลายทาง)

 

พาสปอร์ตสะท้อนอิทธิพลทางการทูต

ดร. คริสเตียน เอช. แคลิน ผู้ริเริ่มแนวคิดดัชนีพาสปอร์ต กล่าวว่าดัชนี Henley Passport Index ล่าสุดเผยให้เห็นภูมิทัศน์การเดินทางทั่วโลกที่มีการแข่งขันสูงขึ้น การที่หลายประเทศครองอันดับร่วมกันในอันดับต้น ๆ เน้นย้ำให้เห็นว่า การที่พาสปอร์ตประเทศหนึ่ง ๆ จะได้รับการยกเว้นวีซ่านั้น รัฐบาลของประเทศนั้น ๆ ต้องพยายามจึงจะได้สิทธิ์นั้นมาและต้องรักษาไว้ผ่านการดำเนินการทางการทูตเชิงรุก ประเทศที่รุกเจรจาขอยกเว้นวีซ่า และส่งเสริมข้อตกลงซึ่งกันและกัน จะมีอันดับสูงขึ้น ในขณะที่ประเทศที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในความพยายามดังกล่าวจะมีอันดับตรงกันข้าม

ดร. เยอร์ก สเตฟเฟน ซีอีโอของ Henley & Partners กล่าวว่า แนวโน้มนี้กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของการย้ายถิ่นฐานเพื่อการลงทุน พร้อมกล่าวด้วยว่า พาสปอร์ตไม่ได้เป็นเพียงเอกสารการเดินทางอีกต่อไป แต่ยังสะท้อนถึงอิทธิพลทางการทูต พลวัตของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและนโยบายการต่างประเทศของแต่ละชาติอีกด้วย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ค. 68)