
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (8 ก.ย.) และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ เนื่องจากข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
- ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 24.10 ดอลลาร์ หรือ 0.66% ปิดที่ 3,677.40 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์จากบริษัท Zaner Metals คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะกรอบ 3,700–3,730 ดอลลาร์ในระยะใกล้นี้ โดยได้แรงหนุนจากตลาดแรงงานที่อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง และความหวังที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงต้นปี 2569
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (5 ก.ย.) ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 22,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 75,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3% สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 4.2% ในเดือนก.ค.
ผลการสำรวจประจำเดือนส.ค.ของเฟดสาขานิวยอร์กพบว่า ชาวอเมริกันมีความกังวลต่อตลาดแรงงาน ท่ามกลางความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานใหม่ นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่าผู้บริโภคมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสถานะทางการเงินในปัจจุบัน
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ และให้น้ำหนัก 12% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปแล้ว 37% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 27% ในปี 2567 โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ตลอดจนการเดินหน้าซื้อทองคำธนาคารกลาง แนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยล่าสุดมีรายงานว่าธนาคารกลางจีนเข้าซื้อทองคำต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกันในเดือนส.ค.
นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด โดยทางการสหรัฐฯ จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค.ในวันพุธนี้ และจากนั้นจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.ในวันพฤหัสบดี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ย. 68)