
ลงทุนแนว “ESG” เซฟทั้งโลกเซฟทั้งพอร์ต !! เพราะยุคนี้ลงทุนแบบโฟกัสแค่ตัวเลขและผลตอบแทนมันอาจไม่พอ ต้องลงทุนแบบใส่ใจโลก สิ่งแวดล้อม และสังคมด้วย มันถึงจะอยู่กันไปได้แบบยาว ยาววววววววว
ที่สำคัญการลงทุนแนว ESG อาจไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่มันกำลังจะเป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่ทุกคนต้องมี !
“All About ESG” EP. นี้ จะมาพูดคุยกับนางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย ที่จะมาเฉลยว่า การลงทุนแบบ ESG คืออะไร ใครได้ประโยชน์ ที่สำคัญผลตอบแทนปังไปด้วย ช่วยโลกไปด้วย มันมีจริงหรือ !?
การลงทุนโดยใช้หลัก ESG คือการนำเอาปัจจัยด้าน ESG (สิ่งแวดล้อม,สังคม,ธรรมาภิบาล) มาปรับใช้ในกระบวนการลงทุนและการตัดสินใจลงทุน จากเดิมที่พิจารณาเพียงแค่ปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจและตัวเลขทางการเงิน
การลงทุนแบบ ESG มีประโยชน์คือ สามารถดูได้ว่าบริษัทมีความสามารถในการจัดการความเสี่ยงได้ดีแค่ไหน ขณะเดียวกันยังมีโอกาสทางธุรกิจที่มาจากเทรนด์ ESG ด้วย ดังนั้นผลตอบแทนการลงทุนที่ได้ จะมีความยั่งยืนในระยะยาว ที่สำคัญสามารถสร้างผลกระทบในเชิงบวกสำหรับสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปได้
“ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนแบบ ESG คือ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน” นางสาวธิดาศิริกล่าว
หากถามว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไร ให้ลองมองภาพใหญ่ เศรษฐกิจไทยหรือเศรษฐกิจโลกล้วนประกอบด้วยธุรกิจ ไม่ว่าจะขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ และเมื่อพิจารณาลึกลงไปต่อ ในหนึ่งธุรกิจก็จะประกอบไปด้วย ลูกค้า ผู้บริโภค ผู้ผลิต เจ้าหนี้ นักลงทุน รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ หรือหน่วยงานอื่น ๆ อีกมากมายที่มาเกี่ยวข้องกันในหนึ่งธุรกิจ
และเมื่อนักลงทุนนำเรื่อง ESG มาตัดสินใจในการลงทุนธุรกิจ ก็ทำให้ภาคธุรกิจต้องตระหนักถึงความสำคัญของ ESG ดังนั้นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วนก็จะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้
1) ESG Integration: เป็นการนำปัจจัย ESG มาปรับใช้ในกระบวนการลงทุนเพื่อดูการบริหารจัดการความเสี่ยงของบริษัท ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนได้
2) ESG Thematic: เป็นการลงทุนที่เน้นในธีมหรือกลุ่มธุรกิจที่เน้นเรื่อง ESG และเชื่อว่าจะเติบโตได้ดีในอนาคต อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้อาจมีความผันผวนค่อนข้างสูง เนื่องจากมีการกระจุกตัวในกลุ่มธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งมากเกินไป
3) Impact Investing: เป็นกลยุทธ์ที่เข้มข้นที่สุดของการลงทุนแบบ ESG ซึ่งกลยุทธ์นี้ก็ต้องการผลตอบแทนทางการเงิน แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามแสดงให้เห็นผลตอบแทนในรูปแบบของผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน ซึ่งกลยุทธ์นี้ถือเป็นส่วนน้อยในบรรดากลยุทธ์ทั้งหมดเนื่องจากมีความเข้มข้นสูง
จากการศึกษาที่อ้างอิงถึง SET ESG Ratings พบว่า ตั้งแต่ต้นปี 2022 บริษัทที่มี SET ESG Ratings ในระดับที่ดีหรือดีเยี่ยม มีผลตอบแทนที่ค่อนข้าง Outperform เมื่อเทียบกับบริษัท ESG Ratings ในระดับอื่น ๆ
ส่วนตัวกองทุนนั้น ของ KAsset เองมีกลยุทธ์ ESG ที่หลากหลาย อย่างกองทุนที่ลงทุนในหุ้นโลกก็มีผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับ Benchmark ประกอบด้วย 2 กองทุน คือ
1) กอง K-PLANET ลงทุนในหุ้นทั่วโลก 40-50 ตัว คัดเลือกหุ้นที่มีส่วนช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และ Climate Change
2) กอง K-CHANGE ลงทุนในหุ้นทั่วโลก 25-30 ตัวที่มีการดำเนินธุรกิจซึ่งส่งผลบวกใน 4 ด้านคือ สังคม,สิ่งแวดล้อม,สุขภาพและคุณภาพชีวิต และ การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางสังคม
นอกจากนี้การลงทุนแบบ ESG ยังสามารถเลือกได้หลากหลายสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้,กองทุนผสม,หุ้น เป็นต้น
อย่างไรก็ตามควรดูผลตอบแทนในระยะยาว เนื่องจากผลตอบแทนระยะสั้นอาจไม่รับรองว่าจะดีเสมอไป และภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลาก็มีผลกระทบต่อการลงทุนได้
“ในอนาคตเรื่องของ ESG จะไม่ใช่แค่เทรนด์หรือธีมเท่านั้น แต่จะกลายเป็นความต้องการขั้นต่ำ (Minimum Requirement) ที่หน่วยงานกำกับดูแลต้องการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดทุน” นางสาวธิดาศิริ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ธ.ค. 68)




