CONSENSUS: EKH รับเต็มลูกค้าจีนกลับมาดันรายได้ IVF พร้อมลุยธุรกิจดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย

แน่นอนว่า บมจ.เอกชัยการแพทย์ (EKH) ก็เตรียมรับไปเลยเต็ม ๆ กับประโยชน์จากรัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดและเปิดประเทศ เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 เป็นต้นไป

โบรกเกอร์มองว่า EKH น่าจะเป็นหุ้นตัวหนึ่งที่รับประโยชน์สูงสุด ถ้าลูกค้าชาวจีนกลับเข้ามา เพราะรายได้ของการรักษาผู้มีบุตรยาก (IVF) จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีสัดส่วนเป็นลูกค้าชาวจีนมากถึง 95% จึงคาดการณ์กำไรปี 66 จะพลิกกลับมาเติบโต 8%YoY อยู่ที่ 270 ล้านบาท

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ EKH เดินหน้าแผนระยะยาวสุดปัง สั่งลุยตลาด Palliative Care พร้อมดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ซึ่งเป็นตลาดที่มีคู่แข่งน้อย และรองรับกับประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยมีแพลนลงทุนกับพันธมิตรในธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพทั้งการเข้าควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) และการร่วมทุน (JV) หนุนการเติบโตระยะยาว

ราคา EKH ปิดที่ 9.15 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลงขณะที่ดัชนี SET +1.03%

โบรกเกอร์คำแนะนำราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
ดาโอซื้อ9.00
กสิกรซื้อ9.60
หยวนต้าซื้อ10.80

นายถกล บรรจงรักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า สำหรับหุ้น EKH ก็เป็นหุ้นหนึ่งที่แนะนำซื้อในช่วงนี้ ก็รับในเรื่องของการเปิดประเทศ โดยเฉพาะของกลุ่มลูกค้าชาวจีน จากการที่จีนมีการผ่อนคลายมาตรการการกักตัวที่เดินทางจากต่างประเทศ ซึ่งก็มีผลตั้งแต่ 8 มกราคม 66 ซึ่งมีมุมมองเชิงบวกบวกต่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทย

โดยถ้าย้อนกลับไปในช่วงก่อนโควิด สัดส่วนรายได้ IVF ของ EKH เองสูงถึง 20% ของรายได้รวม ซึ่งเป็นลูกค้าจีนเกือบ 95% นั่นก็หมายถึงว่า ลูกค้าจีนมีสัดส่วนถึง 19% ของรายได้รวม แต่พอมาถึงช่วงโควิดในปี 63-65 ลูกค้าจีนกลับเข้ามาไม่ได้ สัดส่วนรายได้ของ IVF ของ EKH เองลงมาเหลือประมาณ 6-7% ของรายได้รวม

“เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดการกลับมาของลูกค้าจีน เรามองว่า EKH น่าจะเป็นตัวหนึ่งที่รับประโยชน์สูงสุด ทางหยวนต้าเองก็ประเมินในแง่ของรายได้ของ IVF ปีนี้น่าจะกลับขึ้นมาจาก 6-7% มาเป็น 13% ของรายได้รวม ส่วนกลุ่มลูกค้าปกติก็น่าจะกลับมามากขึ้น จากสถานการณ์โควิดที่คลี่คลาย พร้อมประมาณการกำไรปี 66 จะพลิกกลับมาเติบโต 8%YoY เป็น 270 ล้านบาท”นายถกลกล่าว

แผนระยะยาวสุดปัง สั่งลุยตลาด Palliative Care

บล.หยวนต้า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเป็นบวก จากการการที่บริษัทขยายการลงทุนไปยังธุรกิจ Palliative Care โดยการเปิด รพ.คูน ขนาด 30 เตียง เมื่อก.ย. 65 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี มีรายได้ราว 4 ล้านบาทต่อเดือน คาดรายได้ที่ 48 ล้านบาทต่อปี โดยบริษัทตั้งเป้าถึงจุดคุ้มทุนที่ EBITDA ภายในปี 66 ซึ่งถือว่าเร็วกว่าธุรกิจรพ.อื่น ๆ ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่รองรับการที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ขณะที่รพ.ที่รับดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายโดยเฉพาะ หรือแบบ Palliative Care คู่แข่งน้อย และ Capacity สำหรับรพ.ที่ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายสำหรับรพ.อื่น ๆ ค่อนข้างเต็ม จึงมีโอกาสเติบโตสูง

โดยบริษัทมีแผนเปิดเพิ่มรพ.คูน ปีละ 1 แห่ง และบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการที่เกี่ยวกับสุขภาพกับพันธมิตรในหลากหลายรูปแบบ โดยมีการลงทุนขนาดเล็กและใหญ่ 3-4 ดีล ทั้งการเข้าควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) และการร่วมทุน (JV) ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตในระยะยาว

“ในเชิงพื้นฐานเอง เราประเมินค่าพื้นฐานของตัว EKH ไว้ที่ 10.80 บาท เรามองว่าราคาหุ้นก่อนหน้านี้มันลงไปสะท้อนผลประกอบการที่ชะลอตัวในปี 65 ไปแล้ว ปี 66 เนี่ยเริ่มจะพลิกกลับมาเติบโตได้อีกครั้งหนึ่ง EKH ก็เป็นหุ้นตัวหนึ่งที่เราเลือกกับกลุ่มโรงพยาบาลตัวเล็ก”นายถกลกล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ม.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top