PRTR ปิดเทรดวันแรก 10.10 บาท พุ่ง 40.28% เหนือจอง

PRTR ปิดเทรดวันแรกที่ 10.10 บาท สูงขึ้น 2.90 บาท หรือเพิ่มขึ้น 40.28% จากราคา IPO ที่ 7.20 บาท โดยมีมูลค่าซื้อขาย 3,413.90 ล้านบาท

บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ถึงหุ้น บมจ.พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป (PRTR) แนะนำ”ซื้อ” ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2566 ที่ 11.80 บาท ด้วยวิธี PER ที่ 30 เท่า

PRTR ประกอบธุรกิจบริการด้านทรัพยากรบุคคลครบวงจร (Total HR Solutions) คือบริหารจัดจ้างพนักงาน, บริการสรรหาบุคลากร, บริการแพลตฟอร์มหางานออนไลน์ และฝึกอบรมแบบออนไลน์ และออฟไลน์

ผลกำไร 2566-2567 คาดว่าจะเติบโตด้วย CAGR กว่าร้อยละ 21 ด้วยความต้องการในตลาดแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่ประเทศจีนมีการเปิดประเทศ ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจบริการ มีความต้องการพนักงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้มี JMART Strategic Partner ที่สำคัญ เนื่องด้วย JMART มีธุรกิจในกลุ่มที่หลากหลายและต้องการพนักงานจำนวนมาก

บริษัทจะมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ โดยหุ้นสามัญที่เสนอขายในครั้งนี้มีจำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตรา ไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด

บริษัทมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อ 1) เพื่อสำหรับจ่ายคืนหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับที่ปรึกษาทางการเงิน และ/หรือผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 2) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และ3) ลงทุนในโครงการในอนาคต ซึ่ง PRTR จะเปิดเผยใน Filing ต่อไป

ความน่าสนใจในการลงทุน PRTR

1.ผลกำไร 2566-2567 เติบโตด้วย CAGR กว่าร้อยละ 21

2.ธุรกิจสามารถรักษาระดับของกำไรขั้นต้นได้ในระดับร้อยละ 9-10 ในช่วงที่เกิด COVID-19

3.การเติบโตของธุรกิจจัดจ้างพนักงาน และบริการสรรหาบุคลากร สอดคล้องกับการเติบโตในประเทศไทย ที่เน้นภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจบริการที่มีความต้องการคนจำนวนมาก

4.JMART Strategic Partner ที่สำคัญที่จะเข้ามาถือหุ้นร้อยละ 15 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว จะช่วยสร้างการเติบโตที่สำคัญให้กับบริษัท เนื่องด้วย JMART มีธุรกิจในกลุ่มที่หลากหลายและต้องพนักงานจำนวนมาก เช่น ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจร้านขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และธุรกิจบริหารหนี้ เป็นต้น

บล.ทรีนีตี้ ประเมินแนวโน้มปี 2566-2567 กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 236 ล้านบาท และ 278 ล้านบาท ตามลำดับ และคิดเป็นอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิร้อยละ 24.9 และ 17.4 ตามลำดับ ซึ่งการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีนี้มาจากรายได้ Recruitment ที่เติบโตร้อยละ 30 ด้วยความต้องการในตลาดแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากจีนเปิดประเทศ ส่งผลให้อุสาหกรรมบริการและส่งออกมีความต้องการพนักงานเพิ่มขึ้น และในปี 2567 ประเมินว่ารายได้ Recruitment เติบโตร้อยละ 20 ในขณะที่รายได้ Outsource คาดว่าจะเติบโตคงที่ในอัตราร้อยละ 10 ต่อปีในปี 2566-2567

การประเมินมูลค่าหุ้น PRTR ได้ราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 11.80 บาท ด้วยวิธี PER ที่ 30 เท่า เทียบเคียงกับหุ้นในตลาดที่ประกอบกิจการใกล้เคียงกัน คือ บมจ.สยามราชธานี (SO) ให้บริการจ้างเหมาบริการ (Outsourcing Services) เช่น พนักงานขับรถยนต์ พนักงานธุรการ พนักงานรับโทรศัพท์ ช่างไฟฟ้า ช่างซ่อมบำรุง และ บมจ.ฮิวแมนิก้า (HUMAN) ประกอบธุรกิจเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่ายและให้บริการติดตั้งซอฟต์แวร์ระบบบริหารงานทรัพยากรบุคคลและทรัพยากรองค์กร รวมทั้งให้บริการจัดทำเงินเดือน โดย SO ซื้อขาย PER ที่ 29 เท่า และ HUMAN มีค่าเฉลี่ย 5-year Avg For wad PER ที่ 29 เท่า

นอกจากนี้ ถ้าไปเทียบ PER ที่ 30 เท่า กับ PER ของ S&P Global 1200 Human Resource and Employment Services Index จาก Bloomberg จะอยู่ที่ระดับ 7-year Avg + 1SD ซึ่งเราให้ที่ระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย ด้วยประเทศไทยนั้นเป็นตลาดที่เน้นอุตสาหกรรมและบริการ ซึ่งจะต้องพึ่งพาพนักงานจำนวนมาก ในขณะที่สหรัฐฯ จะเป็นตลาดเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 มี.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top