หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์แถลงนโยบายรัฐบาลไร้ประเด็นใหม่รอตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์หรืออาจรีบาวด์ได้เล็กน้อยไร้ปัจจัยใหม่หนุน ประกอบกับนักลงทุนยังรอติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐ เพราะมีผลต่อการพิจารณาดอกเบี้ยของเฟด ส่วนการแถลงนโยบายของรัฐบาลไม่มีประเด็นใหม่ ด้านตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้บวกและลบสลับกัน พร้อมให้แนวต้าน 1,550 จุด แนวรับ 1,530 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ หรืออาจจะรีบาวด์มาบวกได้เล็กน้อยหลังจากวานนี้ปรับตัวลงไป แต่ขาดปัจจัยใหม่ที่เข้ามาช่วยหนุนให้ไปได้ไกล ทำให้ทิศทางแกว่งตัวออกด้านข้าง

ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างรอติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ซึ่งจะมีผลต่อการคาดการณ์ทิศทางของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะส่งสัญญาณอัตราดอกเบี้ยและจะมีผลต่อตลาดหุ้น ส่วนปัจจัยในประเทศ การแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาผ่านไปวันแรกยังคงไม่มีประเด็นใหม่

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเปิดมาเช้านี้เคลื่อนใหวบวกและลบสลับกัน

โดยให้แนวต้าน 1,550 จุด แนวรับ 1,530 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (11 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,663.72 จุด เพิ่มขึ้น 87.13 จุด หรือ +0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,487.46 จุด เพิ่มขึ้น 29.97 จุด หรือ +0.67% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,917.89 จุด เพิ่มขึ้น 156.37 จุด หรือ +1.14%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,629.16 จุด เพิ่มขึ้น 161.40 จุด หรือ +0.50% ขณะที่ ดัชนีฮั่งเส็งเปิดที่ระดับ 18,015.56 จุด ลดลง 80.89 จุด หรือ -0.45% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,140.34 จุด ลดลง 2.44 จุด หรือ -0.08%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ก.ย.66) 1,540.94 จุด ลดลง 6.23 จุด (-0.40%) มูลค่าซื้อขาย 41,601.46 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,616.55 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ก.ย.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. (11 ก.ย.) ลดลง 22 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 87.29 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ก.ย.) อยู่ที่ 11.33 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.56 คาด sideway ลุ้นเงินเฟ้อสหรัฐ ให้กรอบ 35.40 – 35.65

– “เศรษฐา” แถลงนโยบายรัฐบาล ย้ำ 4 ปี วางรากฐานและโครงสร้างใหม่ ดันจีดีพีโตปีละ 5% ยันเดินหน้าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท กระตุกเศรษฐกิจ ใช้รูปแบบ บล็อกเชน ไม่แตะกองทุนวายุภักดิ์ “คลัง” ยืนยันไม่กู้เพิ่ม ย้ำรักษาวินัยการคลัง “ก้าวไกล” ตั้งคำถามที่มางบ 5.6 แสนล้าน ชี้ปัญหาผู้อยู่นอกเขตทะเบียนบ้าน แนะให้เงินดิจิทัลหนุนเอสเอ็มอี “ประชาธิปัตย์” ยืนยันงบรัฐบาลไม่พอต้องไปตายเอาดาบหน้า

– “ธุรกิจไอที-ดิจิทัล” ชงข้อเสนอรัฐบาลรับการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจยุคใหม่ อะเมซอน เสนอสร้างคนดิจิทัล หวังเห็นกฎหมายเอื้อลงทุนระดับเมกะโปรเจกต์ ซีอีโอ MFEC ชงรัฐยก “ไซเบอร์ซิเคียวริตี้” ขึ้นวาระแห่งชาติ ไลน์แมน-วงใน พร้อมหนุน อินฟราฯ ร่วมดันดิจิทัล วอลเล็ต ด้าน “เอสเอ็มอี” วอนรัฐบาลใหมเร่งดูแลค่าครองชีพ

– กระทรวงการคลัง เตรียมปรับปรุงประกาศกระทรวงเรื่องการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคมากขึ้น โดยได้ยกร่างปรับปรุงประกาศกระทรวงการคลังในเรื่องสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ หรือพิโกไฟแนนซ์ ซึ่งได้ประกาศรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ 6-20 ก.ย.นี้

– “ต่างชาติ” ขายหุ้นไทยต่อเนื่อง วานนี้ทิ้งอีก 2.6 พันล้าน “ตลท.” ชี้หุ้นไทยซึม เหตุรอรายละเอียดมาตรการรัฐบาลใหม่ ชี้นโยบาย ครม.เศรษฐา ส่งผลดี-ผลเสียต่อกลุ่มหุ้น แนะศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน บล.กสิกรไทย คาดมาตรการกระตุ้นศก.เข้าครม.เป็นจุดพลิกดึงฟันด์โฟลว์ไหลกลับ

 

หุ้นเด่นวันนี้

 

– WARRIX (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 13.46 บาท เก็งกำไรบนเทรนด์การจำหน่ายสินค้าที่ได้รับแรงหนุนจากกระแสการแข่งขันกีฬาฟุตบอล อีกทั้งในครึ่งหลังของปี 66 การจำหน่ายสินค้าคาดจะเร่งตัวขึ้น HoH ช่วงไฮซีซั่น และหากมองไปไกลกว่านั้นภาพผลประกอบการคาดโตแรงต่อเนื่องกว่า 16%/34%/40% บนปี 66-68

– BCH (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 23 บาท เป็นหุ้น Defensive stock แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/66 จะเติบโตโดดเด่น qoq เนื่องจากเป็น High season ของธุรกิจมีการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มขึ้น อาทิ ไข้เลือดออกและโรคปากเท้าเปื่อยในเด็ก

– AH (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 45.00 บาท) ผู้บริหารคงเป้ารายได้ปี 66 โต 10-15% แม้ ส.อ.ท.จะปรับเป้ายอดการผลิตรถยนต์ของไทยปีนี้ลงเหลือ 1.9 ล้านคัน ครึ่งปีหลังผลงานจะฟื้นตามวันทำงานที่มากขึ้น นอกจากนี้ยอดขายมีปัจจัยหนุนจากการรับรู้คำสั่งซื้อใหม่ชิ้นส่วนรถกระบะ Ford เกิน 1,000 ลบ.และคำสั่งซื้อจากลูกค้า EV ราว 800-900 ลบ.ขณะที่รายได้ธุรกิจตัวแทนขายรถยนต์-ศูนย์บริการยังขยายตัวจากเปิดโชว์รูม Ford แห่งใหม่ในไทย และโชว์รูม Proton แห่งใหม่ในมาเลเซียปีก่อน ส่วน AAPICO Avee ในมาเลเซีย (ถือหุ้น 60%) ผลิตชิ้นส่วนให้ Proton จะรับรู้รายได้ช่วงที่เหลือปีนี้ 500 ลบ.ตั้งเป้าปีหน้าขยายเป็น 1,500 ลบ.ส่วน Purem AAPICO ที่เป็น JV (ถือหุ้น 49%) เริ่มผลิต ก.ย.และ ธ.ค.สำหรับโรงงานในมาเลเซียและไทยตามลำดับ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ย. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top