หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าบวกต่อตามภูมิภาค บอนด์ยีลด์ย่อลงแต่ราคาน้ำมันร่วงถ่วงตลาด

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกได้ต่อตามภูมิภาค หลังบอนด์ยีลด์ยังคงอ่อนตัวลง แต่อาจไม่ได้ปรับขึ้นร้อนแรงเหมือนวานนี้ จากแรงกดดันของราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง และติดตามดูตัวเลข CPI สหรัฐฯ คืนนี้ หลัง PPI ออกมาสูงกว่าคาด หากออกมาสูงเช่นเดียวกันจะเป็นแรงหนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ย และกดดันตลาดกลับมาเป็นลบ ให้แนวรับไว้ที่ 1,443 จุด และ แนวต้าน 1,450-1,460 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกได้ต่อ สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย รับผลดีจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวลงต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามดัชนีฯ อาจไม่ได้ปรับตัวขึ้นร้อนแรงเมื่อเทียบกับเมื่อวานนี้ เนื่องจากมองราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรง จะส่งผลให้กลุ่มหุ้นพลังงานปรับตัวลง และเข้ามาถ่วงตลาด อีกทั้งนักลงทุนยังจับตาดูการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. ของสหรัฐ หลังวานนี้ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ออกมาสูงกว่าคาด หาก CPI ออกมาสูงกว่าคาดก็อาจเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นให้ปรับตัวลงได้ แต่ในทางกลับกันหากออกมาต่ำคาดก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น

ให้แนวรับไว้ที่ 1,443 จุด และ แนวต้าน 1,450-1,460 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (11 ต.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,804.87 จุด เพิ่มขึ้น 65.57 จุด หรือ +0.19%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,376.95 จุด เพิ่มขึ้น 18.71 จุด หรือ +0.43% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,659.68 จุด เพิ่มขึ้น 96.83 จุด หรือ +0.71%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,120.94 จุด เพิ่มขึ้น 184.43 จุด หรือ +0.58% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,258.26 จุด พุ่งขึ้น 365.16 จุด หรือ +2.04% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,101.70 จุด เพิ่มขึ้น 22.74 จุด หรือ +0.74%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ต.ค.66) 1,455.99 จุด เพิ่มขึ้น 21.54 จุด (+1.50%) มูลค่าซื้อขาย 53,304.77 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,052.85 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ต.ค.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. (11 ต.ค.) ลดลง 2.48 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 83.49 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ต.ค.) อยู่ที่ 4.39 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 36.43 แนวโน้มแกว่ง sideway รอลุ้นตัวเลข CPI สหรัฐฯ

– “เงินบาท” พลิกแข็งค่าเร็วกว่า 1% แตะระดับ 36.40 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติหวนซื้อหุ้น-บอนด์ไทยรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท นักวิเคราะห์ชี้ผลจาก “เฟด” ส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย ด้าน “แบงก์ชาติ” ห่วงสถานการณ์ “อิสราเอล-ฮามาส” ยืดเยื้อกดดันราคาน้ำมันบีบดอลลาร์แข็งค่า ทำเงินบาทอ่อนค่าลงกระทบต้นทุนนำเข้าสินค้าพุ่ง

– บีโอไอ ตั้งเป้าหมายเป็นฮับผลิต ทั้งรถอีวี-สันดาป เล็งคลอดมาตรการหนุน ยืนยันไม่ทิ้งค่ายรถญี่ปุ่น พร้อมเคาะยุทธศาสตร์เชิงรุก 4 ปี ดึงลงทุน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย “อีวี บีซีจี อิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล และสำนักงานใหญ่” อนุมัติส่งเสริมลงทุนให้ “ฉางอัน” อีวีรายใหม่จากจีน กำลังการผลิตปีละ 1 แสนคันพร้อมตั้งทีมทำงานร่วมนายกฯ ติดตามลงทุน

– แบงก์ชาติคาดปีหน้าจีดีพีไทยโต 4.4% ชี้เครื่องยนต์เศรษฐกิจจะกลับมาพร้อมกันหลายตัว รวมถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จับตาสงครามอิสราเอล-ฮามาสฉุดเงินบาทอ่อนค่าซัดราคาพลังงานพุ่ง

– “เศรษฐา” ลุยโรดโชว์จีนสัปดาห์หน้า หวังดึงลงทุนไทย ฟุ้งบอร์ดนัดแรกเคาะส่งเสริมอีก 6 โครงการ 4.1 หมื่นล้าน เผย 8 เดือนยอดส่งเสริมลงทุน 2566 ขยายตัว 47%

 

หุ้นเด่นวันนี้

– BBL (ฟินันเซีย ไซรัส)”ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 197 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 1.08 หมื่นลบ. -4% q-q ส่วนมากมาจากกำไรที่มาจากการตีมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุนที่ลดลง แต่ยัง +41% y-y จากส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ที่สูงขึ้น ด้าน NPLs และ Credit cost ไม่ใช่ประเด็นที่น่ากังวลในไตรมาส 3/66 เราคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวจากการดำเนินงานทั้งในและต่างประเทศ คาดกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 3.8 หมื่นลบ. +29% y-y และปี 2024 ที่ 4.1 หมื่นลบ. +8% y-y Valuation ยังน่าสนใจโดยเทรด 2024PBV เพียง 0.5 เท่า

– SAPPE (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 104.00 บาท ผู้บริหารวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 66 ที่ระดับ +30-35%YoY หลักๆ จากยอดขายต่างประเทศที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และยอดขายในประเทศฟื้นตัวต่อเนื่องจากการออกสินค้าใหม่ ส่วนในปี 67 วางเป้ารายได้เติบโตต่อ +25%YoY หนุนจากการเพิ่มไลน์การผลิตทำให้มีกำลังผลิตขึ้น ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มลดลง ระยะสั้น ไตรมาส 3/66 คาดกำไรโต QoQ, YoY จากการใช้กำลังการผลิตในระดับสูง 80-85% เงินบาทอ่อนเป็นบวกต่อ GPM ด้าน Valuation ตลาดทยอยปรับคาดการณ์กำไรปี 66 ที่ขึ้นเป็น 1.1 พันล้านบาท +53%YoY และปี 67 ที่ 1.3 พันล้านบาท +16%YoY

– CRC (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 49.50 อิงผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกเดือน ก.ย.ภาพรวมชะลอตัวแต่กลุ่มธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้นคือ ห้างสรรพสินค้าและวัสดุก่อสร้าง ซึ่งตรงกับภาพธุรกิจของ CRC ที่มีทั้งห้างและวัสดุก่อสร้างผ่านทางไทวัสดุ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ต.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top