หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์เชื่อมั่นครม.มีคนนอกร่วมฟื้นเศรษฐกิจ คาดหวังเฟดลดดอกเบี้ย

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์หรือไซด์เวย์อัพ จากความมั่นใจในการฟื้นเศรษฐกิจ หลังมีความชัดเจนออกมาเกี่ยวกับรัฐมนตรีจากภายนอก ประกอบกับ Fund flow ไหลเข้า ส่งผลค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง และความคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ยหนุน Sentiment พร้อมให้แนวต้าน 1,275 จุด แนวรับ 1,260 จุด

นายวีรวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ หรือไซด์เวย์อัพ โดยที่ยังคงมีแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศในการที่เริ่มมีความชัดเจนเกี่ยวกับการตั้งคณะรัฐมนตรีเข้ามาเตรียมเดินหน้าทำงาน โดยเฉพาะรายชื่อรัฐมนตรีที่มาจากคนภายนอก ทำให้ตลาดมีความมั่นใจในการฟื้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น

ขณะเดียวกันค่าเงินบาทยังแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จากกระแสเงินทุน (Fund flow) ที่ไหลเข้ามา ยังช่วยหนุนต่อตลาดหุ้นไทยได้ ประกอบกับ Sentiment ของตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้น จากความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้น ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้ปรับตัวส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น

โดยให้แนวต้าน 1,275 จุด แนวรับ 1,260 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (8 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 45,514.95 จุด เพิ่มขึ้น 114.09 จุด หรือ +0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,495.15 จุด เพิ่มขึ้น 13.65 จุด หรือ +0.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,798.70 จุด เพิ่มขึ้น 98.31 จุด หรือ +0.45%

– ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดลบ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 43,907.55 จุด เพิ่มขึ้น 263.74 จุด หรือ +0.60% และหลังจากตลาดเปิดทำการได้ 15 นาที ดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้น 413.77 จุด หรือ +0.95% แตะระดับ 44,057.58 จุด ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นทะลุระดับ 44,000 จุดเป็นครั้งแรก ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 25,711.07 จุด เพิ่มขึ้น 77.16 จุด หรือ +0.30% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,811.67 จุด ลดลง 0.84 จุด หรือ -0.02%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ก.ย.) 1,266.11 จุด เพิ่มขึ้น 1.31 จุด (+0.10%) มูลค่าซื้อขาย 54,546.06 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (8 ก.ย.) 1,414.12 ลบ.

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. (8 ก.ย.) เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ 0.63% ปิดที่ 62.26 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ก.ย.) อยู่ที่ 4.46 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 31.63 แข็งค่าต่อเนื่อง จับตา Flow-ราคาทอง คาดดกรอบวันนี้ 31.60-31.80

– นักวิเคราะห์ค่าเงินชี้ “เงินบาท แข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี” และยังพบสัญญาณ ยังแข็งค่าต่อเนื่อง หลังค่าเงินบาทหลุด 32 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งแข็งค่าสุดนำภูมิภาค “กรุงไทย” ชี้มีโอกาสแข็งค่าขึ้นไปแตะระดับ 31.50 บาท ต่อดอลลาร์ ธปท.ชี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นกว่า 7% จากต้นปี นำหน้าสกุลเงินภูมิภาค ย้ำจับตาใกล้ชิด เล็งออกมาตรการสกัดบาทแข็งค่าจากผลกระทบราคาทองพุ่ง แนะเอกชนป้องกันความเสี่ยง

– “ปลัดคลัง” พร้อมเดินหน้า “คนละครึ่ง” เฟสใหม่ผ่าน “เป๋าตัง” ได้ทันที ใช้งบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจปี 69 ที่มี 2.5 หมื่นล้านบาท “นักวิชาการ” ชี้ “คนละครึ่ง” 2.0 ต้องปรับเงื่อนไข แนะโมเดลจีนเพิ่มเกณฑ์ใช้จ่ายเงินขั้นต่ำ เร่งใช้จ่ายหมุนเงินเข้าระบบ “ภาคธุรกิจ” แนะเพิ่มวงเงินใช้จ่ายผ่าน คนละครึ่ง ดำเนินการให้เร็ว ขยายให้ครอบคลุมท่องเที่ยวโรงแรม

– โผอนุทิน 1 ยังไม่นิ่ง เก้าอี้ “รมว.กลาโหม” ยังไม่ชัดเอาใคร อนุทิน โพสต์ภาพ “บวรศักดิ์” ตอบรับรองนายกฯ แล้ว รัฐบาล 4 เดือนโควตาคนนอกคึกคัก 6 กระทรวง 6 คน “ศุภจี” จากดุสิตธานีมานั่ง รมว.พาณิชย์ “บิ๊กป้อม” ประกาศไม่รับตำแหน่ง พร้อมอยู่เบื้องหลังช่วยเหลือ “กล้าธรรม” ผวาชื่อถูกตีกลับส่ง “อามินทร์-นเรศ” นั่งแทน “เท้ง” ยังกั๊กแนวคิด พท. แถลงนโยบายปุ๊บไม่ไว้วางใจปั๊บ เหน็บต้องการตรวจสอบหรือล้างแค้น “บิ๊กอ้วน” จ่อนั่งหัวโต๊ะประชุม ครม.นัดสุดท้ายอำลาเก้าอี้

– ผอ.ท่าอากาศยานภูเก็ต มั่นใจไฮซีซันนี้ภูเก็ตคึกคักแน่ สายการบินต่างชาติจองบินเข้าเพียบ รัสเซียบินเข้าเพิ่มเป็นอันดับหนึ่ง “แอร์ฟรานซ์” เตรียมบินเข้ามาครั้งแรก คาดผู้โดยสารทะลุวันละ 70,000 คนเหมือนปี 62 อย่างแน่นอน

*หุ้นเด่นวันนี้

– ICHI (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 69 ที่ 14 บาท คาดกำไรไตรมาส 3/68 ที่ 360 ลบ. +12% q-q, +1% y-y ได้แรงหนุนมูลค่าตลาดชาเขียวเดือน ก.ค.กลับมา +2.1% y-y เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส แนวโน้มรายได้ ก.ค. ฟื้นตัว q-q และดีต่อใน ส.ค.แม้เป็น Low Season ผู้บริหารมั่นใจว่าแนวโน้ม H2/68 จะดีกว่า H1/68 เราประเมินกำไรปี 68 ที่ 1.3 พันลบ. -3% y-y และกลับมาเติบโต +7% y-y ในปี 69 จุดเด่นคือ Dividend Yield ที่สูงราว 10% ต่อปี รวมถึงเป็นหนึ่งในหุ้นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์บวกจากโครงการ “คนละครึ่ง” หากรัฐบาลนำกลับมา

– TASCO (ดีบีเอสฯ) “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 16.70 บาท คาดจะได้อานิสงส์น้ำท่วมทำให้ต้องซ่อมถนนในหลายพื้นที่ รวมทั้งยังมีเงินงบประมาณปี 68-69 สร้างถนนต่อเนื่อง นอกจากนั้นคาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเลือกตั้งทั่วไปด้วย แนวโน้มกำไร H2/68 คาดว่าจะเพิ่ม HoH จากความต้องการซื้อยางมะตอยในประเทศเพิ่มขึ้น ประเมินกำไรสุทธิปี 68-69 ขยายตัว 15% และ 13% หนุนโดยรายได้และมาร์จิ้นที่ดีขึ้น

– BCPG (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 10 บาท คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงถัดไป มีทิศทางที่ดีขึ้นมาก จากการทยอยเริ่ม COD โครงการต่างๆ และคาดจะไม่มีการตั้งด้อยค่าในจำนวนมากอย่างช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ผสานรายได้จากการขายไฟใน US จะปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 3/68 เป็นต้นไป จากการปรับค่าความพร้อมจ่ายที่เร่งขึ้นแบบก้าวกระโดดตามความต้องการไฟฟ้าที่รองรับ datacenter ที่เพิ่มขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ย. 68)